เมื่อเวลา 15.14 น.วันที่ 2 ส.ค. 2566 ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยแถลงฉีกเอ็มโอยูสลายขั้ว 8 พรรคมีโอกาสทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า ตนคงพูดไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แต่ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคก็ยืนยันมาตลอดว่า เราสามารถทำงานได้กับทุกพรรคที่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักและไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112  ดังนั้นอยู่ที่กก.บห. จะพิจารณา

เมื่อถามว่า เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลยังเป็นเงื่อนไขเดิมที่ไม่แก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม เราเป็นพรรคเล็กมีแค่ 36 เสียง ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลก็คิดว่า 36 คน ก็มีพลังในการทำงาน

เมื่อถามถึง การโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 4 ส.ค.นี้แนวโน้มของพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมพรรคคงมีการพูดคุยกัน อย่างที่ตนบอกว่าการเมืองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างก็จะจบ ตอนนี้ประชาชนก็รอรัฐบาลใหม่อยู่ รัฐบาลปัจจุบันเตรียมถ่ายโอนทุกอย่างให้รัฐบาลใหม่แล้ว หลายโครงการที่เป็นประโยชน์ก็เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะไปทำต่อ 

ส่วนการโหวตนายกฯ คิดว่าจะโหวตครั้งเดียวผ่านเลยหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า คิดว่าถ้าพูดคุยกันก่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ที่หัวหน้าพรรคและเลขาพรรค และตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามมติพรรค   

เมื่อถามว่า พรรคไม่มีปัญหาเรื่องของลุง ที่เป็นเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลแล้วใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคชัดเจนมากที่สุดตั้งแต่วันแรกแล้ว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรคได้ลาออกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลของบางพรรคการเมืองเท่านั้น 

“ บางทีการดูข่าวการพูดของนักการเมืองรุ่นใหม่ รุ่นเก่ามากเกินไปแต่ละคนก็เก่งๆกันทั้งนั้น  มีเพื่อนผมส่งงานวิจัยของต่างประเทศมาให้พบว่าถ้าเราไปดูอะไรที่มันโง่ๆมาก มันจะทำให้เราโง่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังในการดูด้วย ที่ผมพูดไม่ได้มีความหมายอะไร” นายธนกร กล่าว 

เมื่อถามต่อว่า มองคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างไรบ้างนายธนกร กล่าวว่า ถ้านายเศรษฐายืนยันชัดเจนเกี่ยวกับมาตรา 112 ก็สามารถทำงานได้เพราะเป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯและนักธุรกิจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร   

ส่วนก่อนหน้านี้นายเศรษฐาเคยพูดว่า จะแก้ไขมาตรา 112 พรรครวมไทยสร้างชาติ หากร่วมรัฐบาลจะมั่นใจได้อย่างไร นายธนกร กล่าวว่า พรรคการเมืองในการทำงานการเมือง ต้องมีความชัดเจนก่อน ไม่ใช่ว่าวันนี้จะให้พรรคการเมืองอื่นยกมือขึ้นให้ไปก่อนคงไม่ได้ คงต้องมีการเจรจานอกรอบกันก่อน และผู้ใหญ่ทุกพรรคก็ต้องพูดคุยกัน และต้องมีการแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนให้ประชาชนทราบก่อนแล้วจึงเดินหน้าต่อไป  ส่วนเรื่องที่ผ่านมาตนคิดว่า ทุกคนจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำทั้งนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครรังเกียจรังงอนใคร ทุกคนคิดเอาประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักและเดินไปข้างหน้า

เมื่อถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยแถลงว่าภารกิจแรกที่จะเข้ามาทำคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลง่ายขึ้น ถือเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของการเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า นโยบายของแต่ละพรรค พรรคร่วมรัฐบาลต้องพูดคุยกันก่อน เมื่อตกลงกันได้ก็เดินหน้าไป ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายอย่างทำได้ แต่คงไม่ใช่การแก้มาตรา 112 ก็ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญบางมาตราก็ต้องมีการปรับ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำได้ แต่ก็ต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นฉันทามติของทุกพรรค ร่วมรัฐบาล 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยบอกว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จจะคืนอำนาจให้ประชาชนคือการเลือกตั้งใหม่นายธนกร กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาที่ผ่านมาพอแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ไม่นานก็จะมีการยุบสภาเหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่า 1-2 ปีเสร็จ  บางที 3 ปีหรืออาจจะครบวาระของรัฐบาลก็ได้