สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

ประชาธิปไตยบนความเคียดแค้นชิงชัง กำลังนำพาประเทศชาติเข้าสู่ทางตัน หากนักการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมจริงตามที่ได้โอ้อวดตัวเอง ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ในสภา ไม่จำเป็นต้องปลุกมวลชนลงท้องถนน สุ่มเสี่ยงกับการบาดเจ็บล้มตาย …*…

 หากไม่ปล่อยให้อคติบังตาบังใจ ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงสปิริตให้เห็น ด้วยการประกาศวางมือทางการเมือง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นหนึ่งในเงื่อนไขความขัดแย้ง …*…  

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พลเอกประยุทธ์มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ให้เป็นไปอย่างสุจริตโปร่งใส ปราศจากการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคที่เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ …*…

มาถึงวันนี้ ทิศทางบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ขับเคลื่อนไปทางไหน ต้องรอวัดใจพรรคก้าวไกลว่าจะ “รุกได้ถอยเป็น”ตามที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้เป็นหัวหน้าพรรคเคยว่าไว้หรือไม่ …*…

ทำไม เพราะอะไร พรรคก้าวไกลที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 และได้รับการสนับสนุนจากอีก 7 พรรคการเมือง มีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ถึงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น มีคำตอบชัดเจนจากแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ระบุไว้ในบางช่วงบางตอนว่าว่า “พรรคเพื่อไทยเห็นว่าภายใต้ข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคสามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นชอบเนื่องจากมีเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะขอเสียงสนับสนุนจาก สมาชิกวุฒิสภา และจากพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด” …*…

สอดรับกับคำแนะนำของนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ให้พรรคก้าวไกล ยอมทบทวน การดำเนินนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อให้เป็นสถานการณ์ใหม่ และสามารถเสนอชื่อนายพิธา กลับเข้ามาให้รัฐสภาพิจารการประชุมถัดไป …*…

 “หากพรรคก้าวไกลยอมถอยมาตรา 112 ยังมั่นใจว่า เหตุการณ์การประชุมรัฐสภา ในวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาจะไม่เกิดขึ้น และสามารถโหวตนายพิธาได้ เนื่องจากพรรคก้าวไกล ไม่ยอมถอยมาตรา 112 ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้นายพิธา ไม่ได้รับการลงมติให้เป็นนายกฯ และเชื่อว่า พรรคก้าวไกล ยังมีโอกาสเป็นรัฐบาลด้วยการทบทวนการแก้ไขมาตรา 112 และคิดถึงประชาชนจำนวนมาก ที่สนับสนุนให้เข้ามาบริหารประเทศ ไม่ต้องการให้แตะมาตรา 112 ที่มีผลกระทบต่อสถาบัน” โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติระบุ …*…

จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลไม่รู้ว่าไม่มีพรรคไหนเห็นดีเห็นงามกับการแก้ไขมาตรา 112 และพรรคก้าวไกลเองก็เคยยอมรับสภาพ ด้วยการไม่แข็งขืนให้มีการบรรจุเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ไว้ในข้อตกลงของ 8 พรรค ที่ร่วมทำเอ็มโอยูในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ …*…

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า การหมกมุ่นดึงดันแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล กำลังกลายเป็นบูมเมอแรง ย้อนกลับมากระแทกอก สร้างรอยปริแยกในพรรคก้าวไกล เพราะแกนนำบางกลุ่มอยากให้ลดเพดานเรื่องมาตรา 112 เพื่อที่พรรคจะได้ร่วมขบวนเป็นรัฐบาล ขณะที่อีกกลุ่มซึ่งมีผู้บารมีนอกพรรคถือหางอยู่ไม่เห็นด้วย …*…

 ก็ต้องรอดูกันต่อไป ในที่สุดแล้ว พรรคก้าวไกลจะเลือกก้าวไปในทางไหน ทางที่นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง หรือหายนะเลือดนองท่วมท้องถนน …*…

ที่มา:เจ้าพระยา (27/7/66)