การที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศที่จะยังไม่วางมือทางการเมือง มีนัยสำคัญที่อาจเป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประวิตร ยังสู้ และยังมีความหวัง ทั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หรือ อย่างน้อย ก็เก้าอี้รัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
พร้อมๆ กับการไม่ประกาศวางมือทางการเมือง ก็มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร บอกกับคนใกล้ชิดว่าถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ ก็พร้อมจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และไม่รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี แต่จะยังคงเป็น หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพื่อดูแลพรรคต่อไป
จนมีข่าวว่าพล.อ.ประวิตร ต่อรองให้ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.น้องชาย และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ร่วมคณะรัฐมนตรีแทน
แต่ก็ดูเหมือนว่าพล.อ.ประวิตร ยังไม่ยอมแพ้ แต่จะสู้จนวินาทีสุดท้าย เพราะบรรดาคนใกล้ชิด และ สายบ้านป่ารอยต่อฯ ต่างยังคงมีความหวัง เต็มเปี่ยมและเชื่อมั่นในการเดินเกมของ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่หรือนายป้อม ที่มีชั้นเชิงทางการเมืองไม่แพ้ นักการเมือง
บรรดาลูกน้อง จึงเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร จะยังไม่วางมือทางการเมืองเพราะเป็นคนร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐมา และทุ่มเทไปเยอะ และยังประกาศว่า จะเป็นหัวหน้าพรรค ไปจนตาย ทุกครั้งที่มีกระแสข่าวลือว่าพล.อ.ประวิตร จะวางมือพล.อ.ประวิตร จึงต้องออกมาแก้ข่าวทุกครั้ง เพราะกระทบขวัญกำลังใจของลูกน้องทีมงานและรวมทั้งในพรรคพลังประชารัฐด้วย
เพราะในฐานะทหารเสือราชินีเก่าและบูรพาพยัคฆ์ที่กรำศึกสงครามมายาวนานและมากรำศึกการเมืองต่องมีชั้นเชิงทางการเมืองไม่น้อยจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ยิ่งเมื่อเชื่อกันว่ามีซุปเปอร์ดีล คุยกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ด้วยแล้วก็ย่อมมีการทวงสัญญา
แต่ไม่มีใครอาจยืนยันได้ว่าการเจรจาต่อรองที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2565 เป็นการเจรจาตรงและผ่านตัวแทนที่อาจจะมีการสื่อสารที่ผิดพลาดในเรื่องของสัญญาเพราะเหมือนกับมีกระแสข่าวมาตลอดว่า ทักษิณ จะยอมให้พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ทว่าสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนจากการที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้ทักษิณ อาจจะลำบากใจ
เพราะหากพรรคเพื่อไทยยอมให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกจะเป็นการเสียคำพูดที่ได้ประกาศไว้ช่วงก่อนการเลือกตั้งและจะทำให้เสียฐานเสียงเสียมวลชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดงในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยอาจจะได้ ส.ส. น้อยกว่า 100 คนก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าพล.อ.ประวิตร ยังมั่นใจว่าถือไพ่เหนือกว่า ทักษิณ เพราะไม่ว่าจะเจรจากับใครกลุ่มไหน ท้ายที่สุด ทักษิณ และ พรรคเพื่อไทยก็ต้องอาศัย พล.อ.ประวิตรอยู่ดี
เช่นนี้จึงทำให้พล.อ.ประวิตรยังไม่ประกาศวางมือทางการเมืองและไม่ยอมยังไม่ยอมพูดชัดๆ ออกมาว่าจะไม่รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีหรือในรัฐบาล
อาจเป็นเพราะพล.อ.ประวิตร มั่นใจกับไพ่ในมือที่ถืออยู่
จึงไม่แปลกที่เมื่อมีการเปิดเผยว่า ทักษิณจะกลับประเทศ 10 สิงหาคม ที่ทำให้เชื่อว่า ดีลทุกอย่างจบลงตัวแล้วตรงที่เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นนายกฯรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็ตาม
แต่มีกระแสข่าวสะพัดว่า เกมของพล.อ.ประวิตร คือจะไม่สนับสนุน เศรษฐา เป็นนายกฯ ยกเว้นจะเป็น “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ
ที่ไม่ใช่แค่เพราะว่าทำงานกับ นางสาวแพทองธาร ได้สบายใจกว่าทำงานกับ เศรษฐาเท่านั้น แต่เพราะมองว่า นางสาวแพทองธาร คือตัวจริงเสียงจริงสายตรง ของทักษิณ
ที่บ้านป่ารอยต่อฯ จึงให้รอดูตอนจบจะได้เห็นชั้นเชิงของพล.อ.ประวิตรว่า จะไว้ลายการเป็นทหารเสือฯ ให้เห็นอย่างไร
ไม่ให้เสียเชิงพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์
ที่ ตอนนี้เหลือเป็น ป. สุดท้ายที่อยู่ในสนามการเมืองแล้วหลังจากที่น้องสองคนทั้ง ป.ประยุทธ์และ ป. ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว
ด้วยศักดิ์ศรีพี่ใหญ่จะต้องไม่เสียหน้าเสียฟอร์มเพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่ได้แค่ 40 ที่นั่งนั้นและปาร์ตี้ลิสต์แค่หนึ่งเดียวก็ทำให้พี่ใหญ่เสียฟอร์มไปไม่น้อย
ดังนั้นจึงต้องกอบกู้ชื่อเสียงภาพลักษณ์ของพี่ใหญ่ให้กลับมาด้วยเกมเกมนี้