#  พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมกรณีขอให้ยื่นคำร้องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีรัฐสภาลงมติวินิจฉัยว่าการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็นญัตติซึ่งต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41

โดยที่ประชุมมีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาขอให้วินิจฉัยกรณีที่ประชุมรัฐสภาลงมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งนายกฯซ้ำ เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ รวมทั้งและขอให้เลื่อนการประชุมรัฐสภา ในวันที่ 27 ก.ค.เพื่อโหวตนายกฯรอบ 3 ออกไปก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีข้อวินิจฉัยออกมา

#  นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีที่ประชุมรัฐสภาลงมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งนายกฯซ้ำ เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ และขอให้เลื่อนการประชุมรัฐสภา ในวันที่ 27ก.ค.เพื่อโหวตนายกฯรอบสามออกไปก่อน

โดยระบุว่า เรื่องนี้ให้ฝ่ายกฎหมายประชุมกันในวันที่ 24ก.ค.เพื่อสรุปผลมาแจ้งให้ตนทราบ จากนั้นจะนำเรื่องไปหารือกับวิป 3ฝ่ายในวันที่ 26ก.ค.ต่อไป รวมถึงต้องฟังผลการหารือของ 8พรรคร่วมรัฐบาลมาประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งวันที่ 25ก.ค.อาจจะชี้แจงในรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง 

ที่ประชุม สส. พรรคก้าวไกล ได้จัดหารือทางออนไลน์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันและการกำหนดทิศทางการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ได้ข้อสรุปว่า พรรคก้าวไกลยืนยันจะไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 

" ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลจึงขอยืนยันสัจจะที่ให้ต่อประชาชน เราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคร่วมไทยสร้างชาติ และจะพยายามอย่างถึงที่สุดในการผนึก 8 พรรคการเมืองที่สะท้อนเสียงของประชาชนกว่า 27 ล้านเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน"

 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ให้สัมภาษณ์รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาล โดยชี้แจงว่า 1. พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุยเพื่อหาแนวทางจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขของ 8 พรรค พรรคเพื่อไทยไปหาเสียงเพิ่ม ไม่ใช่เป็นการจัดตั้งรัฐบาล และ 2. รูปแบบที่พรรคเพื่อไทยทำ หลายคนไปตีความว่าเราไปกดดัน ไปผลักดัน 

การพูดคุยกับ 5 พรรค วิธีการก็อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเหมือนกลับมาให้พรรค 5 ล้วนไม่เอา พรรคก้าวไกล เหมือนมาให้พรรคเหล่านี้มาประกาศและกดดันพรรคก้าวไกลในทางอ้อม ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิทธิเสรีภาพทางความคิดของคน ย้ำว่าตนพยายามอยู่ว่าจะมีแนวทางใดที่ 8 พรรคร่วมยังอยู่ด้วยกัน หรืออย่างน้อยหลักสำคัญยังมีพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจับกันอยู่ 

“เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดไม่ได้ ในเมื่อเราหมดปัญญาแล้ว ทำไมไม่ส่งต่อให้คนอื่น ก็คือพรรคอันดับสาม นั่นหมายความว่าเรายกเสียงข้างมากเราไปให้เสียงข้างน้อย”