เมื่อวันที่ 22 ก.ค.66 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีข้อความระบุว่า
“ถ้าเรือล่มกลางทะเล ต้องให้คนหนุ่มรอดเพราะเขายังมีเวลาที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองอีกมากครับ”
ต่อมา นายสมชัย โพสต์อีกครั้งว่า
“การที่ก้าวไกลยอมถอยให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คือ น้ำใจและการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ไม่ควรได้รับการตอบแทนโดยผลักออกเป็นฝ่ายค้าน
ก้าวไกลสามารถเลือกที่จะยืนยันสิทธิเพื่อส่งพิธาเข้ารับการลงมติเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่สอง ได้ โดยอาศัย “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลง” ตามข้อบังคับ 41 แต่ก้าวไกลทรนงที่จะไม่ยอมให้ข้อบังคับมาเหนือรัฐธรรมนูญ จึงเลือกแนวทางเปิดโอกาสให้เพื่อไทย
สิ่งที่เพื่อไทยต้องคิด จึงไม่ใช่ทำอย่างไรจะจัดตั้งรัฐบาลโดยยอมการบีบบังคับจาก สว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. และไม่ใช่ร่วมมือกับพรรคที่สืบทอดอำนาจของ คสช. อาศัยเสียงของ สว. มาต่อรองเพื่อร่วมรัฐบาล และไม่ใช่การยอมรับการรวมหัวของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ที่ประกาศว่า จะไม่ร่วมกับเพื่อไทยหากมีพรรคก้าวไกลอยู่
หากพรรคเพื่อไทยทำเช่นนั้น พรรคเพื่อไทยย่อมไม่ต่างอะไรกับพรรคการเมืองที่กระหายการเป็นรัฐบาลมากกว่าการยืนหยัดในหลักการเคารพเสียงของประชาชนที่พร้อมใจกันมอบความไว้วางใจให้บริหารประเทศแทนขั้วรัฐบาลเดิม
ขณะนี้ ภารกิจจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยแล้ว เราหวังว่าจะเห็นพรรคเพื่อไทยใช้โอกาสเพื่อสร้างสรรค์ในสิ่งที่ถูกต้อง
อำนาจอยู่ไม่นาน แต่เรื่องดีหรือเลวร้ายที่เล่าขานจะอยู่ตลอดไป”