วันที่ 20 ก.ค. 66 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการโต้เถียงกับนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ในระหว่างการอภิปรายในสภาฯ เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ไม่มีอะไร เราก็ตรงไปตรงมา คลิปที่นำมาเปิดก็เป็นคลิปจากการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 ไม่ใช่คลิปลับ หรือเป็นคลิปตัดต่ออะไร
ส่วนบรรยากาศในที่ประชุมสภา นายวิโรจน์ มองว่า เดี๋ยวก็คงจะคล่องตัวมากขึ้น เพราะเป็นสภาที่พึ่งมากันใหม่เหมือนการประชุมสภาเมื่อปี 2562 ที่ผ่านการประชุมไปไม่กี่นัดก็คงจะเข้ารูปเข้ารอย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภาเมื่อวานนี้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็คงต้องให้กำลังใจ เพราะมองว่าอีกสักพักก็คงจะเข้ารูปเข้ารอย ขออย่าเพิ่งตำหนิกัน ซึ่งตนเองยังมั่นใจในประธานสภาฯ และคิดว่า ไม่ใช่ว่าจะมานั่งจับผิดกัน ไม่เช่นนั้นในอนาคตใครจะกล้ามาเป็นประธานสภาฯ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่แสดงความเห็นว่าหากประธานสภาเมื่อวานนี้ เป็นนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จะตัดสินใจได้เด็ดขาดกว่านี้ นายวิโรจน์ ระบุว่า ในมุมของตนเองก็คิดว่าใช่แบบนั้น แต่มุมมองของคนก็แตกต่างกัน ส่วนในช่วงท้ายของที่ประชุมเมื่อวานนี้ ที่พยายามหารือกับประธานสภาฯ ก่อนปิดการประชุมนั้น ตนเพียงต้องการจะย้ำกับประธานสภาฯ ว่าให้สรุปให้ครบประเด็นเท่านั้น เมื่อผลโหวตออกมาว่าต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่ 41 คือการห้ามเสนอชื่อซ้ำ จึงมองว่าประธานสภาฯ สรุปได้ไม่ครบถ้วนตามข้อบังคับ เพราะหากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็สามารถเสนอเข้ามาใหม่ได้ แต่ก็คิดว่าทุกคนก็เข้าใจตรงกัน
ส่วนการประชุม สส. ในวันนี้ ขอให้นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เป็นผู้ชี้แจง ซึ่งนายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า บรรยากาศในที่ประชุมก็สบายๆ เดี๋ยวก็ลงตัวกัน ขอไม่อยากให้คิดมาก ไม่ได้มีความเครียดอะไร อีกทั้งหลายคนวิจารณ์การอภิปรายในสภาของตนเอง แต่ก็มองว่า ตนเองหายไปจากสภาฯ เป็นปี ซึ่งเพื่อนสื่อหลายคนก็ยังมองว่าเป็นวิโรจน์คนเดิม และเราก็ตรงไปตรงมา ไม่ได้อภิปรายในเชิงลบแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งการตอบโต้ทั้งหมดก็เป็นการเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองเมื่อถูกอภิปรายในเชิงลบมาก่อน
สำหรับการอภิปรายในวันที่ 27 ก.ค.นี้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ก็คงจะต้องไปหารือกับ 8 พรรค และเป็นมติของพรรคร่วมฯ ก่อน เพราะการเสนอชื่อไม่ได้เป็นของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ที่จะต้องให้เกียรติกัน แต่เบื้องต้นเราก็จะประคองความกลมเกลียว และความแน่นแฟ้นของ 8 พรรคร่วมฯ ให้มากที่สุด เหมือนจักรยาน 8 คัน ที่กว่าจะถึงเส้นชัย จะต้องมีผลัดกันนำบ้าง แต่เป้าหมายคือจักรยานทั้ง 8 คันที่เป็นความหวังของประชาชนคนไทย เข้าเส้นชัยไปด้วยกัน
เมื่อถามว่ามีจักรยานคันไหนจะเลี้ยวโค้งก่อนถึงหรือไม่ นายวิโรจน์ ยืนยันว่าไม่มี ทุกวันนี้ก็ยังขับกันฝ่ากระแสลม ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะผลักให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ตนเองไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะตอนนี้ยังเชื่อมั่นใน 8 พรรคร่วมฯ เสมอ และความไว้ใจกัน ไม่มีอะไรที่ทำให้เราหวั่นไหว โดยตนมองว่า การไม่เอาประเด็นเล็กๆ ที่เห็นไม่ตรงกันบ้างมาขยายผล ซึ่งต้องมีอยู่แล้วในการทำงานร่วมกัน เพราะ 2 พรรค หรือ 2 คนยังเห็นไม่ตรงกันเลย ขอให้ลองดูท่าทีของตนที่เคารพภาคี 8 พรรคร่วมเสมอ และการทำงานร่วมกันอยู่ในความสบายใจด้วยกันมากที่สุด
ส่วนการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกล ฟังด้อมส้มเกินไป นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราก็ฟังประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ทั้งคนที่สนับสนุนเรา และไม่สนับสนุนเรา ซึ่งมองว่าเป็นเพียงความคิดเห็นของท่าน แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นสิ่งที่เรา 8 พรรคร่วมฯ นำมาพูดคุยกันอยู่ดี