หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2566 หลักประชาธิปไตย ต้องเคารพความเห็นต่าง ...*...
โดนคุกคามกันถ้วนหน้า คือ วุฒิสมาชิก ทั้งที่ ขานชื่อ และ งดออกเสียง เป็นเหตุให้ ไม่พอเพียง ให้เสียงสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่ได้เหยียบบันไดไทยคู่ฟ้า ประสา บารอน แม้จะชูธง พรรคการเมืองเสียงข้างมากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ ต้องผ่านวิธีการตรวจสอบ ที่ กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่ ทุกพรรคการเมือง ใช้กติกาเดียวกันก่อนเข้าสภาฯ ต้องยอมรับ และ ต้องเคารพในความเห็นต่าง เป็นหลักการประชาธิปไตยเบื้องต้น หยุดพฤติกรรมคุกคาม ข่มขู่ กดดัน เพราะมันคือ อัตตาธิปไตย ไม่ยอมให้ใครเห็นต่าง ...*...
เมื่อเป็นเส้นทางประชาธิปไตยกำหนดไว้ ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยอมรับแต่ไม่ยอมแพ้ ขอแก้ตัวอีกครั้ง ให้รัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบสอง ตามที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กำหนดไว้ล่วงหน้า เหมือนรู้ว่าจะไม่ผ่านรอบแรก เรียกประชุม สส. และ ส.ว. กัน เช้าวันนี้ ที่มีเสียง ส.ว. เห็นต่าง ว่า ไม่สามารถยื่นได้ เพราะ เปรียบเสมือนญัตติที่ตกไปแล้ว จึง ไม่สามารถนำเข้ามาพิจารณาในสมัยประชุมนี้ได้อีก ...*...
ที่นี่ บารอน เห็นต่างกับ ส.ว. ครับ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นข้อกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่ ไม่ได้ระบุจำนวนครั้งไว้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และ สมควรแก่เวลาหรือไม่ ซึ่งไม่ถือเป็นญัตติครับ หลับตาก็เห็นภาพการประชุมรัฐสภาวันนี้ คงต้องมีการอภิปราย น้ำลายท่วมรัฐสภาแน่นอน ประสา บารอน ว่า ไม่ว่าจะมีการโหวตเป็นญัตติหรือไม่ หรือ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดีไม่ดี คะแนนเสียงไม่เอาพิธาจะมีมากกว่าครั้งที่แล้ว และ ส.ว.ที่งดออกเสียง จะเปลี่ยนมาเป็น ไม่เห็นด้วย และ 13 เสียง ส.ว. ที่แหกคอก ไปลงคะแนนเห็นด้วย ครั้งนี้ จะลดลง อีกต่างหาก ...*...
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ พรรคก้าวไกล แกล้งทำเฉไฉ ขอแก้ไขยกเลิก ม.272 เพื่อ ปิดสวิตช์ ส.ว. ก็เพื่อ จะขอเวลาพรรคเพื่อไทย ขอให้ ร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ให้แล้วเสร็จ ตัด ส.ว.ออกไปได้สำเร็จ เปิดทางสะดวกให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เหมือนไม่ได้ยินเสียง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อไว้ว่า ปัญหาปากท้องประชาชน และ เศรษฐกิจของประเทศชาติ ต้องรีบตั้งรัฐบาลให้เร็วๆที่สุด คงไม่ปล่อยให้พรรคก้าวไกลยื้อเวลาได้อีกต่อๆไปแล้วหละ ...*...
ที่นี่ บารอน ชอบใจ ในความคิด ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่มีเพียงเสียงเดียว แต่ เป็น 1 ใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล บอกสื่อว่า ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ด้วยวิธีการ เปลี่ยนขั้ว ไปร่วมกับ พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคชาติไทยพัฒนา รวมกัน ได้ 262 เสียง เมื่อ รวมกับเสรีรวมไทย 1 เสียง เป็น รัฐบาลเสียงข้างมาก 263 เสียง แล้ว ได้ พรรคก้าวไกล 151 เสียง เพียงเท่านี้ เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา โดย ไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. แล้วขอให้ พรรคก้าวไกลข้ามฝั่ง ให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปนั่งเก้าอี้ ผู้นำฝ่ายค้าน ไม่เห็นจะต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ให้ยุ่งยาก เป็นเรื่องลำบาก แถม ยังไม่สำเร็จอีกต่างหาก ...*...
เหนื่อยฟรี สำหรับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส รับอาสา ไปขอเสียงพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคชาติไทยพัฒนา รวมกัน 35 เสียง ให้มา สนับสนุน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล งานนี้เล่นเอา พรรคเพื่อไทย โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย ถึงกับสะดุ้ง กลัวคนเอากุ้งฝอยมาตกปลากะพง เพราะ จะส่งผลกระทบถึงโควตารัฐมนตรี บทสรุปหมากการเมืองตานี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องออกมาตัดไฟแต่ต้นลม ขอแค่เสียงสนับสนุนเท่านั้น ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล โธ่ ถัง แล้วใครเขาจะยอม ...*...
มาตามนัด วันนี้เช่นกัน ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมประจำสัปดาห์ กำหนดวาระประชุม เรื่อง คำร้อง กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยในคดีถือหุ้นสื่อ ไอทีวี ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตาม ม.82 ว่า สมาชิกสภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงหรือไม่ และหากรับคำร้อง ขอให้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไว้ด้วย จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัยออกมา ...*...
ประสา บารอน คนหาข่าวมาเขียนและ ดูบรรทัดฐานการวินิจฉัย ของ ศาลรัฐธรรมนูญ ในอดีต รับคำร้องไว้วินิจฉัย จะมาพร้อมกับ คำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แต่ คงไม่ตัดสิทธิการโหวตนายกรัฐมนตรี ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เนื่องจาก ไม่สามารถวินิจฉัยเกินคำร้องได้ ...*..
แต่ ที่กำลังแพ้ภัยตัวเอง คือ ศึกภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จะมีการประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อ เลือกหัวหน้าพรรค และ กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ใน วันอาทิตย์ที่ 23 นี้ เหตุเพราะ นายชวน หลีกภัย กำลังจะกลายเป็นอดีต หมดบารมีไปตามวัย 85 ปี จะเป็นผู้เสนอชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกหน แต่คนรุ่นหลาน นายนราพัฒน์ แก้วทอง ไม่มองอยู่ในสายตา อาสาลงแข่งหัวหน้าพรรค เพราะได้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาฯพรรค ชักใยอยู่ข้างหลัง งานนี้หาก ไม่มีใครยอมใคร คงต้องพังกันไปข้าง บารอน มองเห็นคนกลางลางๆ วางตัวนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ โดดเข้ามา เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แล้วยอมให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา เป็นเลขาธิการพรรค เป็นหนทางรอดของพรรคประชาธิปัตย์
ที่มา:บารอน (19/7/66)