บิ๊กตู่ยันวางมือการเมืองไม่ได้อยู่เบื้องหลังใคร  เพื่อไทยเสนอพิธา นั่งนายกฯ  สภาถกเดือด! ส.ส.-ส.ว.รุมยำใหญ่คุณสมบัติส.ส. ด้านชาดาจวกยับก้าวไกลอย่าหลงระเริง รับไม่ได้แก้ม.112 ลั่นขอเป็นโจรปกป้องชาติ-สถาบัน พิธา"ลุกโต้ มั่นใจคุณสมบัติครบ มีความชอบธรรมเป็นผู้นำประเทศ ตอก"ส.ว." อย่าให้มีศาลเตี้ยในรัฐสภา  

     เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ภายหลังเป็นประธานในพิธีทำบุญและเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงบประมาณ ถ.พหลโยธิน เขตพญาไท พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้เวลาร่วมรับประทานอาหารกลางวันและพูดคุยกับอดีตผู้บริหารและผู้บริหารสำนักงบประมาณจนถึงเวลา 13.10 น. จากนั้นได้ลงมาบริเวณโถงชั้นล่าง ซึ่งมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่พร้อมใจยืนรอส่งมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจ บอกรักลุงตู่ จะอยู่เคียงข้าง รักที่สุด พร้อมขอกอด ถ่ายรูปเซลฟี่ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน ตื้นตันๆ ที่ผ่านมาก็ทำงานเต็มความสามารถให้กับพวกเราทุกคนอย่างเต็มที่"
   
  จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังประกาศวางมือทางการเมืองได้วางแผนไว้อย่างไรบ้าง ว่า ได้ประกาศไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรก็ตามนั้น นั่นแหละจ๊ะ ไม่มีแผน เมื่อถามว่า พักผ่อนที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะ พร้อมย้อนถามว่า จะพักผ่อนที่ไหนอีก แล้วค่อยบอกอีกทีว่าจะไปพักผ่อนที่ไหน เมื่อถามว่า ที่ประกาศวางมือทางการเมือง วางมือจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็ตามนั้นแหละ ตามนั้น เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า ไม่เคยอยู่เบื้องหลังใครทั้งสิ้น
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงการชุมนุมหน้าสภาฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สั่งการไปแล้ว เจ้าหน้าที่เขาดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า มีรายงานสถานการณ์อะไรเข้ามาให้รับทราบแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา ก็เป็นเรื่องของทางสภาฯ อย่าเอาเราไปยุ่งเลย  เมื่อถามอีกว่า คิดว่าวันนี้จะเลือกนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ หรือว่าต้องรอ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราไม่เกี่ยวแล้วไง ก็ลาออกไปแล้วไง ถามต่อว่า แต่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการอยู่ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
    
 ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันเดียวกันนี้จะออกมาในรูปแบบใด ว่า ส.ว.ก็ทำหน้าที่ของตนเองและตนเข้าใจว่ามีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียว ส่วนจะเห็นชอบหรือไม่ หรืองดออกเสียง ก็เป็นเอกสิทธิ์ของส.ว. ที่จะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ส.ว.ต้องทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะสิ่งสำคัญคือบ้านเมืองจะต้องเดินหน้า และมีความมั่นคงในทุกด้าน รวมทั้งสิทธิความเป็นพลเมืองที่จะพูดจากันได้ 
       
การลงมติของส.ว. ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร อย่าพึ่งคาดคะเน เพราะส.ส.และส.ว.ทั้ง 750 คน ทำด้วยความรับผิดชอบ อย่าใจร้อน เพราะหนทางประชาธิปไตยมีทุกช่องทาง ตอนนี้เป็นกระบวนการในรัฐสภาประชาชนทำหน้าที่ในการเลือกผู้แทนฯ ถ้าเป็นรัฐบาลก็ทำหน้าที่บริหาร แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เป็นฝ่ายค้าน และเชื่อว่า ส.ส.ทั้ง 500 คน จะทำหน้าที่เป็นประโยชน์ให้บ้านเมืองเดินหน้า อย่าปลุกระดมให้เกิดบรรยากาศความเครียดเรามีวุฒิภาวะทุกคน หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น นายสมชาย กล่าว
   
  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมเป็นองค์ประชุมครั้งสุดท้ายก่อนเข้าประชุม พร้อมย้ำว่ามติของพรรคเป็นไปตามที่เคยแถลงข่าวไปคือเราสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเช้านี้เราจะไม่มีการพูดคุยถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องเกี่ยวกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลไว้พิจารณา เนื่องจากเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว อย่างไรก็ตามก็จะต้องมีการวินิจฉัยก่อน ฉะนั้นในประเด็นนี้นายพิธาน่าจะยังไม่ขัดต่อคุณสมบัติ 
    
 ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมรัฐสภาถึงความมั่นใจเสียงส.ว.เพียงพอที่จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า ขอให้รอฟังด้วยกัน เรามาถึงเวลานี้แล้วอีกแป๊บเดียวก็ได้ฟังด้วยกัน ตนมั่นใจในตัวเองที่จะพยายามทำให้เต็มที่สมกับความหวังและกำลังใจที่ประชาชนมีให้ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมลุ้นด้วยกันที่หน้ารัฐสภา และทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามาทุกช่องทาง ตนจะพยายามทำให้เต็มที่ในการอธิบายวิสัยทัศน์ที่มีต่อประชาชนก่อนวันเลือกตั้ง และจะอธิบายถึงความคลางแคลงใจที่ส.ว.บางคนอาจจะมี เราจะใช้โอกาสนี้หาฉันทามติร่วมกัน 
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะฝากถึงส.ว.ครั้งสุดท้าย นายพิธา กล่าวว่า รัฐสภามีโอกาสให้อธิบายเยอะแยะเลย ขอให้รอฟัง แต่มั่นใจว่าจะทำให้เต็มที่ เมื่อถามว่า มีการเตรียมแผนแนวทางกรณีหากมีการเลื่อนประชุมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ฟังวิป 3 ฝ่ายโอกาสไม่มี ส่วนการประชุมวันนี้จะราบรื่นหรือไม่หากสมาชิกรัฐสภาดำเนินการตามที่วิป 3 ฝ่ายหารือกันก็น่าจะราบรื่น หลังจากนี้คงต้องนัดแนะเพื่อนสมาชิกและสร้างความมั่นใจว่ามากันครบ  
    
 เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยการใช้มาตรา 112  หาเสียง และเรื่องกกต.ส่งเรื่องให้พิจารณาเรื่องถือหุ้นสื่อจะกระทบเสียงส.ว.และส.ส.ในการโหวตวันนี้ หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องถือหุ้นสื่อศาลรัฐธรรมนูญรับในส่วนของธุรการ ส่วนประเด็นมาตรา 112 เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลยังพอมีเวลา ซึ่งคงจะแยกไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในรัฐสภาวันนี้  ประชาชนรอมาสองเดือนควรรีบจัดการให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี   
   
  เมื่อถามว่า เรื่องมาตรา 112 ที่มีการร้องเกี่ยวกับล้มล้างการปกครองกังวลจะไปถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่น่าจะถึงขั้นนั้น จากที่อ่านเร็ว ๆ จากเอกสาร ซึ่งตนยืนยันว่าพรรคขอแก้ไข แต่เขาใช้ข้อกล่าวหาว่ายกเลิกน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน ซึ่งเวลาอีก 15 วัน ในการชี้แจง
   
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม มีวาระสำคัญคือการพิจารณาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดยนายวันมูหะมัดนอร์ได้แจ้งเปิดประชุมในเวลา 09.30 น. พร้อมกล่าวต่อสมาชิก วันนี้ตนทำหน้าที่การประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งแรก ยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ประชาชน ประเทศชาติ เกียรติและศักดิ์ศรีของฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตามการปฏิบัติหน้าที่ของตนอาจขาดตกบกพร่องไปบ้าง พร้อมรับความคิดเห็นติชมของสมาชิกตลอดเวลา ซึ่งการประชุมจะมีประสิทธิภาพตามที่ประชาชนคาดหวังไว้ได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายของรัฐสภา
  
   ประธานรัฐสภา ได้กล่าวย้ำถึงกรอบเวลาอภิปรายจากที่ได้มีการหารือกับตัวแทนวุฒิสภา และตัวแทนพรรคการเมืองทั้ง18พรรคการเมือง ว่า หลังมีการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะมีการเปิดให้อภิปรายคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคือ ส.ว.ได้เวลา 2 ชั่วโมง ส.ส.ได้เวลา 4 ชั่วโมง จะให้อภิปรายเป็นรายพรรคการเมืองทั้ง 18 พรรคการเมือง แบ่งเป็น 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะได้เวลาอภิปรายไม่เกิน 2 ชั่วโมง และการอภิปรายคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนเวลา17.00น. จากนั้นจะมีการโหวตนายกรัฐมนนตรีต่อไป

 จากนั้น ได้เริ่มเข้าสู่วาระการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา272 โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเป็นตัวแทน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้รับรองถูกต้อง ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ได้เปิดให้สมาชิกแสดงตนผ่านการเสียบบัตร พร้อมเปิดให้มีการอภิปราย


 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายเป็นคนแรก ว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้ออกแถลงการณ์จุดยืนพรรคไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 และขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลแสดงจุดยืนของตนต่อกรณีการเสนอแก้ไขหรือยกเลิกมาตราดังกล่าวด้วย แถลงการณ์พรรคได้ระบุชัดเจนว่าพรรคการเมืองได้ระบุชัดเจนว่าถ้าพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานอย่างมีคุณภาพ และจะคัดค้านการแก้มาตรา112 อย่างเต็มที่ พรรคไม่มีเจตนาที่จะจัดตั้งหรือสนับสนุนการการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง ยืนยันว่าเราเคารพมติประชาชนและยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    
 นายชาดา กล่าวว่า แม้ว่าพรรคการเมือง 8 พรรค จะมีการบันทึกความเข้าใจร่วมกันต้องไม่กระทบรูปแบบของรัฐในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ในทางกลับกันนายพิธาในฐานะผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นคนเดียวที่ยืนยันว่าจะแก้ไขมาตรา112 โดยจะให้ส.ส.พรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอแก้ไข โดยนายพิธาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อทั้งในและต่างประเทศโดยอ้างถึงประชาชน 14 ล้านเสียง พร้อมระบุเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ต้องการผลักดัน ท่านอ้างว่า ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอเรียนตามตรงว่าตนและพรรคภูมิใจไทยไม่เชื่อ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาทำให้เราเห็นชัดเจนน่าจะทราบกันเป็นอย่างดี

        "ท่านอ้าง 14 ล้านเสียง ที่เห็นด้วยกับท่านที่จะให้เแก้ไขมาตรา112 แต่ผมเชื่อว่าคนที่ลงให้ท่าน 14 ล้านเสียง ไม่คิดว่าท่านกำลังแก้กฎหมายไม่ให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักและความมั่นคงของชาติต่อไป ถ้าท่านอ้าง14ล้านเสียง หลายคนก็พูด 25 ล้านเสียง ที่ไม่ได้เลือกท่าน ผมอยากจะฝากนายกรัฐมนตรีที่จะเป็นรัฐบาลว่าคนไทยไม่ได้มีแค่ 14 ล้านเสียง คนไทยไม่ได้มี 25 ล้านเสียง ท่านต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้ง 60 ล้านคน ท่านอย่างหลงระเริง 14 ล้านเสียง มันไม่ถึง 20% ไม่ใช่เรื่องชี้ขาดของประเทศนี้" 
    
 นายชาดา กล่าวต่อว่า  พรรคก้าวไกลพยายามย้ำเสมือนว่าเป็นการแก้ไข ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็เป็นการยกเลิกสิ่งที่นำเสนอเช่นนี้ไม่ใช่การแก้ไขแต่เป็นการยกเลิกมาตรา112  ส่วนตัวมองว่าการที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่พรรคก้าวไกลได้มีการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายคนเคยถูกดำเนินคดีตามมาตรา112 แต่กลับได้รับการสนับสนุนการเชิดชูจากพรรคก้าวไกล 
    
 นายชาดา กล่าวอีกว่า การอ้างว่าเป็นการแก้ไขเพื่อดำรงสถานะที่เคารพ ตนและพรรคไม่เชื่อเช่นนั้น ในเมื่อจะลดการคุ้มครองและลดโทษให้ผู้ที่ละเมิดถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา6 ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "ผู้ใดจะละเมิดมิได้" ที่น่าเจ็บปวดคือมีการระบุว่าหากนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีจะให้มีการไปลงสัตยาบรรณในกฎหมายกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญว่าสามารถฟ้องร้องผู้เป็นประมุขได้ ถือเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ มีการปล่อยให้คนนอกประเทศมาฟ้องได้ ถ้าท่านมีเจตนาดี ท่านเลขาธิการพรรคก้าวไกลเคยพูดว่าการทำอย่างนี้เป็นการปกป้องสถาบันการทำเช่นนี้ไม่ให้ใครมากล่าวอ้างสถาบัน ถ้าท่านจะปกป้องต้องไม่ทำ ท่านพูดถูกว่ามีผู้มีอำนาจในบางสมัยมาใช้สถาบันแอบอ้างเป็นเรื่องจริง แต่มั่นต้องไม่เกี่ยวกับสถาบัน บางมหาวิทยาลัยมีอาจารย์ไม่ได้ต้องไล่อาจารย์ออกไม่ใช่ไปทุบมหาวิทยาลัย
      
 ท่านเป็นความหวังของประเทศได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน ถ้าไม่แตะมาตรา112  ถ้าวันนี้ท่านหลุดคำว่าไม่ยุ่งกับมาตรา112 ภูมิใจไทยจะยกมือให้ท่าน เขาบอกว่าฝั่งโน้นฝั่งประชาธิปไตยแล้วฝั่งผมมาจากไหน ผมก็เดินหาเสียงกลัวสอบตกเหมือนกัน ไม่ใช่ลุงตูู่แต่งตั้งมาหรือคสช.แต่งตั้งมา ผมก็เลือกตั้งเหมือนกันแต่ไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตยแล้วเป็นฝั่งไหนฝั่งโจรหรือ  เป็นโจรก็ยอมถ้าเป็นโจรที