นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 11 ก.ค.66 ตอน "ก่อนวันโหวตนายก..." โดยคาดว่า สถานการณ์เริ่มกดบีบการโหวตนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค. อย่างหนักหน่วง ดังนั้น ประเมินว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คงถูกสภาบีบให้ถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ หรืออาจเลื่อนการโหวตออกไปจนกว่าศาล รธน.จะมีคำวินิจฉัยคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.กรณีถือหุ้นไอทีวีจำนวน 42,000 หุ้น
นายจตุพร วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ถัดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางมือการเมืองและ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งศาล รธน. วินิจฉัยนายพิธา ถือหุ้นไอทีวี เข้าข่ายมีคุณสมบัติขัด รธน. หรือไม่ พร้อมขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และสอดคล้องกับศาล รธน.นัดประชุมพิจารณาคำร้องในบ่ายวันนี้ (12 ก.ค.) ล้วนเกิดขึ้นอย่างมีการเตรียมการกันไว้ จึงทำให้ทุกกระบวนการลื่นไหล
อีกทั้ง เชื่อว่า การประชุมโหวตนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะมี ส.ว.กับ ส.ส.บางพรรคจำนวนหนึ่งอภิปรายให้นายพิธา รอศาล รธน.วินิจฉัยคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส.ให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงมาโหวตนายกฯ
"การโหวตนายกฯ พรุ่งนี้ (13 ก.ค.) คงยาก แต่ถ้ายื้อให้โหวตแล้ว เสียงหนุนนายพิธา จะน่าใจหายที่สุด โดยตรวจสอบล่าสุดมีเสียงหนุนเพียง 6 เสียงเท่านั้น เมื่อ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาล รธน. แล้ว โอกาสได้นายกฯ ในเดือน ก.ค.จะยากแล้ว"
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังเชื่อว่า เมื่อนายพิธาและพรรคก้าวไกลถูกบีบรอบด้านเช่นนี้ ดังนั้น สถาการณ์พลิกเปลี่ยนจึงอยู่บนถนนนอกสภาเป็นปัจจัยชี้ขาด ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจวางมือการเมืองถ้าเป็นการถอยทางยุทธวิธี แต่รุกเชิงยุทธศาสตร์แล้ว จึงเป็นจังหวะสอดคล้องในฐานะคนกลางทางการเมืองและไม่เป็นเป้าถูกมวลชนนอกสภารุมถล่ม
ขอบคุณรายการ:ประเทศไทยต้องมาก่อน