หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2566 รักประชาธิปไตย แต่ รักประเทศไทยมากกว่า ...*...
พรุ่งนี้แล้วครับ เร็วกว่าที่คาดหมายหนึ่งวัน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะขึ้นนั่งเก้าอี้ ประธานรัฐสภา ในการ ประชุมร่วม 2 สภา เป็นสมัยประชุมแรกรัฐสภา หลังการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาล นำโดย พรรคก้าวไกล พร้อมใจกันส่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีประเทศไทยคนที่ 30 จะหยิบชิ้นปลามัน ทำฝันให้เป็นจริงได้สำเร็จหรือไม่ ต้อง ได้รับเสียงสนับสนุน จาก คะแนนเสียงกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 750 เสียง คือ ต้องได้ไม่น้อยกว่า 376 เสียง ...*...
8 พรรคร่วมรัฐบาล รวมกัน 312 เสียง จึง มีความชอบธรรมนำการจัดตั้งรัฐบาล แต่ ต้องผ่านการเห็นชอบจาก 750 สมาชิกรัฐสภา ตามกติกาประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ทั้ง 750 ท่าน ใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน เป็นใบเบิกทางเข้าสู่รัฐสภา เพื่อ ก้าวความขัดแย้ง ประเด็นแรกคือ เลิกแบ่งข้างกันเสียที ไม่มีหรอกครับ ฝ่ายเผด็จการ กับ ฝ่ายประชาธิปไตย มาจากมดลูกเดียวกัน เป็นประชาธิปไตยเท่ากันหมด ...*...
เมื่อ พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย สองพรรคใหญ่ อันดับหนึ่ง 151 เสียง และ อันดับสอง 141 เสียง รวมกับพรรคเล็กพรรคย่อยอีก 6 พรรค ได้ 312 เสียง สมควรขึ้นเสลี่ยง เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล โดยอีกฝ่าย 188 เสียง ถือว่าเพลี่ยงพล้ำ ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน...*...
หลังผ่านการเลือกตั้ง บารอน ก็เห็นว่า 188 เสียง ที่มี พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง และ พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง รวมถึง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ที่เหลือเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แถม ผู้นำพรรคทุกพรรค ต่างก็ออกมา ปฏิเสธไม่ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ไม่มีการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแน่นอน แต่ยังไม่วายถูกระแวง มีดีลลับ ดีลลัก(ไก่) อยากบอกพรรคก้าวไกล ไม่ได้เก้าอี้นายกรัฐมนตรี จับมือพรรคเพื่อไทยไว้ให้ดี เปลี่ยนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้เพื่อไทย ก้าวไกลยังได้เก้ารัฐมนตรีหลายกระทรวง ...*...
เพราะงั้น ฝันให้ไกลไปให้ถึง ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่ ด่านแรก ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ไม่ร้อยกว่า 64 เสียง ประสา บารอน หาข่าวมาเขียน ไม่เอาตัวเลขนั่งเทียนมาขาย มี 203 ส.ว. ที่ ไม่สนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพราะ ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกล แม้ มีการสื่อสารขอให้ยกเลิกการแก้ไขกฎหมาย ม.112 แล้วก็ตาม แต่ไม่มีการตอบรับจากพรรคก้าวไกล ทำให้ 16 เสียงที่พร้อมสนับสนุน ต่างพากัน ถอนตัวงดออกเสียงแน่นอนแล้ว 8 เสียง ขณะนี้ จึงเหลือเพียง 8 เสียง ที่ ยังสนับสนุนนายพิธา ส่วน ส.ว. ที่เหลืออีก 20 กว่าเสียง ถึงอย่างไร ก็ไม่เพียงพอ ให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปต่อได้ ...*...
ความเห็นต่าง คือ ความสวยงามของประชาธิปไตย ที่นี่ บารอน ทั้ง เห็นใจ และ เข้าใจ ในทุกความเห็นของ ส.ว. โดยเฉพาะในส่วนของ ไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล นอกจาก ไม่เห็นด้วยกับแนวนโยบายแก้ไขกฎหมาย ม.112 แล้ว ยังยึดมั่นในหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ให้วุฒิสภามีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย ยังกำหนดให้ เลือกนายกรัฐมนตรี และ องค์กรอิสระ เหนืออื่นใด บารอน เชื่อใน วุฒิภาวะความรู้ความสามารถของ ส.ว.ทุกท่านครับ เรียกร้องให้ประชาชนยอมรับเสียงข้างมากในทุกมติของรัฐสภา เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ...*...
ด่านที่สอง ของ การสกัดกั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทำให้ ก้าวไปไม่ไกล ไปไม่ถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คือ คดีขาดคุณสมบัติ เนื่องจาก ไปถือหุ้นสื่อไอทีวี ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เพิ่งตื่นเมื่อสาย ประชุม 5 เสือ กกต. ว่า จะส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ เมื่อ บ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า 1 ใน 5 เสือ กกต. คือ นายปกรณ์ มหรรณพ คัดค้าน ให้พิจารณาหนังสือชี้แจงของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสียก่อน ...*...
ทำให้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ต้องเลื่อนพิจารณาอีกครั้งในวันอังคาร วันวานที่ผ่านมา ทำให้ไม่แน่ว่า จะส่งให้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัยได้ทันในวันนี้ ที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการประชุมทุกวันพุธอยู่เดิมแล้วหรือไม่ ...*...
อีกคดี ที่ เป็นหุ้นสื่อ ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ บารอน ดูแล้ว ชัดยิ่งกว่าชัด มีความเห็นเหมือนกับ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เป็นผู้ร้องไปยัง กกต. ว่า ขอให้ กกต.ตรวจสอบหนังสือ 4 เล่ม ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ ระบุในหนังสือทั้ง 4 เล่ม เองเลยว่า เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา และ มีรายได้จากการขายหนังสือทั้ง 4 เล่ม โดย มีการรายงานในการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. อีกต่างหาก เป็นหลักฐานชัดเจน หรือ ความปรากฏว่า เท่ากับว่า รับสารภาพ ทำให้ ไม่จำเป็นต้องเรียกมาชี้แจง กกต.สามารถพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้เลย เป็นวิบากกรรมของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ย่อมต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด อย่าได้รังเกียจการตรวจสอบเลยครับ ...*...
ที่มา:บารอน (12/7/66)