เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ก.ค. 66 ที่รัฐสภา แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค ร่วมประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลนำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.), นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ก.ก., นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.), นายประเสริฐ จันทรรวงทองส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคพท., นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท., น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการโฆษกพรรคพท., พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ(ปช.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.), นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง, นายวิรัตน์ วรศสิริน ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย (สร.), นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม (ปธ.) และตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่ โดยทั้ง 8 พรรคได้ถ่ายรูปร่วมกันก่อนจะมีการประชุมเพื่อหารือถึงการเตรียมความพร้อมในการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะนำไปแจ้งต่อที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานสภาฯ เป็นประธาน, วิปวุฒิ และตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งจะมีการประชุมในเวลา 11.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ ก่อนการประชุมเกิดปัญหาติดขัดเกี่ยวกับห้องที่ใช้ในการประชุม ซึ่งได้เปลี่ยนห้องที่ใช้ในการประชุมถึง 3 ครั้ง โดยกำหนดการเดิมนัดประชุมที่ห้อง CB 403 ก่อนจะย้ายมาห้องวิปรัฐบาลที่บริเวณชั้น 2 ซึ่ง ปรากฏว่า ห้องยังไม่พร้อมเนื่องจากมีการซ่อมแซม ทางคณะประชุมจึงได้ย้ายห้องอีกครั้งโดยย้ายมาประชุมที่ห้องงบประมาณ CB 406  ทำให้กำหนดการเริ่มประชุม ที่เดิมเริ่มในเวลา 09.30 น. ล่าช้าออกไปจนกระทั่งเวลา 09.50 น. ถึงได้เริ่มการประชุม

โดยนายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมถึงกรณีจะมีการพูดคุยถึงคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่า วันนี้เป็นการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคแกนนำหลักคงจะเอาเรื่องเข้ามาหารือว่าจะเป็นอย่างไรต่อ เพราะจากวันนี้ไป วันที่ 13 ก.ค. จะเข้าหารือเพื่อโหวตนายกฯแล้ว และตนคิดว่าวันนี้จะมาหารือถึงสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร ว่านายพิธาสามารถเตรียมความพร้อมได้แค่ไหน และพรรคร่วม จะทำอะไรได้บ้าง เพราะที่ผ่านมานายพิธาบอกว่ามั่นใจ ฉะนั้นเราจึงอยากจะหารือกันว่า ที่มั่นใจนั้นเราจะช่วยอะไรได้บ้าง และเราจะช่วยเท่าที่สุดความสามารถของเรา 

เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวระบุว่าทางพรรค พท. สามารถขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถึง 40 เสียง ในขณะที่พรรคก้าวไกล มีเพียงแค่ 20 เสียง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวต้องหารือกันว่าแต่ละคนทำได้แค่ไหน เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกล มีการเปิดรายชื่อให้พรรคร่วมได้เห็นหรือไม่ ว่า จริงๆ แล้วตัวเลขที่สนับสนุนจากทางส.ว. ได้มากน้อยแค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้จะหารือกัน ตอนนี้เรายังไม่ทราบอะไร 

เมื่อถามว่า จะมีแผนสำรองหรือไม่ เพราะกรณีที่เกิดขึ้นมีความไม่แน่นอน นายภูมิธรรม กล่าวว่า แผนเดียว อย่างไรก็ต้องให้นายพิธาเข้ามามีการพิจารณากัน และอย่างไรก็ตามเราก็จะผลักดันนายพิธาอย่างสุดความสามารถ 

เมื่อถามย้ำว่า ต้องเลือกถึงกี่ครั้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า สุดความสามารถ หมายถึงว่าเราจะทำเต็มที่เท่าที่ความสามารถของเราจะมี ซึ่งเรื่องนี้คือการประกาศเจตนารมณ์ ให้เห็นว่าเราตั้งใจ และพยายามจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ที่สุด ส่วนจะกี่รอบนั้นคงเป็นอำนาจที่สภาจะพิจารณา และอยู่ที่ความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น 

เมื่อถามว่า แต่ทางส.ว.ระบุว่า ถ้าเป็นทางพรรคก้าวไกลจะไม่โหวต แต่หากเป็นพรรค พท. โดยไม่มีพรรค ก้าวไกลส.ว.จะยอมโหวต นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่ความเป็นจริง เดี๋ยวรอดูว่าผลโหวตจะเป็นอย่างไรก่อน ฉะนั้นวันนี้เราไม่ควรคิดอะไรที่เกินเลยเกินไป เพราะนั่นคือการคาดเดา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดบรรยากาศ หรือความรู้สึกต่างๆ ไปมากเกิน ตนว่าวันนี้อยู่ที่ความเป็นจริง เราก็มาคุยกันว่ามีความมั่นใจมากแค่ไหน แต่ละพรรคช่วยกันทำอย่างไรให้บรรลุผลที่ได้ตั้งเป้าไว้ และหากเกิดอะไรขึ้นมาชัดเจนก็มาดูกันอีกทีว่า อะไรเป็นอะไร

เมื่อถามถึงกรณีวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ออกมาเตือนพรรคร่วม ว่า ถ้าเลือกคนที่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็เสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดก่อน ตอนนี้มีแต่ “ถ้า” ทั้งนั้นและถ้าก็เป็นความนึกเห็นของแต่ละท่าน เราก็จะรับฟังเอามาพิจารณา ทุกสิ่งมีความหมายหมด ทุกท่าทีที่แสดงออกมาเราก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด เพราะเรากำลังทำหน้าที่เลือกนายกฯ ของประเทศไทย จะช่วยกันดูและคิดกันทั้ง8 พรรค 

เมื่อถามว่า ตามกฎหมายจะเป็นประเด็นดังกล่าวได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า ขอดูรายละเอียดก่อน เมื่อถามต่อว่า ประเด็นนี้จะต้องนำมาคุยในวงประชุม 8 พรรคร่วม ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยู่ที่พรรคแกนนำ ทางพรรคแกนนำคงจะบอกว่ามีสภาพเป็นอย่างไร ทำอะไรแล้ว และมีข้อห่วงใยอะไรที่ต้องหารือกัน ทั้ง 8 พรรค ก็ต้องช่วยกันคิด 

เมื่อถามว่า หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าควรจะรีบวินิจฉัยเพื่อให้เรื่องกระจ่างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอไม่ก้าวล่วง ให้ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และความเป็นจริงเป็นอย่างไร ค่อยพิจารณากันอีกที