เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 7 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฏร ถึงกรณีการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 ก.ค.นี้ มีความกังวลในท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือไม่ ว่า เท่าที่ฟังมีแค่ส.ว.บางส่วนที่แสดงความคิดเห็น แต่เข้าใจว่าส.ว.ส่วนมากยังสงวนท่าที คิดว่าการตัดสินใจของส.ว. จะตรงกับความต้องการของประชาชน 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยกับทางพรรคก้าวไกล ในเงื่อนไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของส.ว.เพื่อปิดข้ออ้าง และผลักดันให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีตามเจตนารมณ์หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคหลักต้องพิจารณาเรื่องนี้ ส่วนในนามพรรคร่วม 8 พรรค เคยมีการพูดคุยเรื่องนี้กันมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น เรื่องนี้จึงมีความชัดเจนระหว่าง 8 พรรคร่วม ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องไปปรับกลยุทธ์ เพื่อประโยชน์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามถึงกรณีท่าทีของส.ว. ที่มีการออกมาระบุชัดเจน ว่ามีเงื่อนไขเรื่องมาตรา 112 ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่านายพิธาจะไม่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตรอบแรก นายประเสริฐ กล่าวว่า หากฟังจากแกนนำพรรคก้าวไกลจะเห็นชัดเจนว่า เขามั่นใจว่าจะผ่าน พรรคก้าวไกลให้ความมั่นใจมาโดยตลอด ว่าส.ว.จะสนับสนุน ก็ขอให้ดูการโหวตก่อน 

เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้เดินสายขอความร่วมมือกับส.ว.ด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยช่วยเป็นบางส่วน แต่ตัวหลักเป็นของพรรคก้าวไกลเอง ฉะนั้น แกนนำทั้ง 8 พรรค หากใครรู้จักส.ว.ท่านใด ก็พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ส่วนใหญ่ คือพรรคก้าวไกลต้องเดินเป็นหลัก 

เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยขยับช่วยในเรื่องนี้เยอะหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ก็เยอะอยู่ ในช่วง 2-3 วันนี้ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพราะเหลือเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ก็จะเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว 

เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายมีอะไรแนะนำพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีความสามารถอยู่แล้ว แต่อยากแนะนำให้ทุกฝ่าย สร้างบรรยากาศในการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะฝั่งส.ส.หรือส.ว. หรือแม้แต่ประชาชน ขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประเทศชาติ และประชาชนจะได้รับ เป็นหลักในการพิจารณา 

เมื่อถามว่า 8 พรรคร่วมมีแผนสำรองหรือไม่ หากในการโหวตรอบแรก นายพิธาไม่ได้รับเลือก หรือกรณีที่มีการเสนอชื่อแข่ง แล้วทางส.ว.ไปสนับสนุนอีกฝ่าย นายประเสริฐ กล่าวว่า เราไม่มีแผนสำรอง หากในรอบแรกไม่ผ่าน คงต้องมีการกลับมาคุยกันอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลว่าอาจจะมีพรรคที่เคยเป็นขั้วรัฐบาลเดิมเสนอคนแข่งนั้น นายประเสริฐกล่าวว่า หากฟังจากการให้สัมภาษณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะเห็นชัดเจนว่าไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเรื่องนี้ก็เบาใจได้ระดับหนึ่ง แต่การเมืองก็เกิดอะไรขึ้นได้ จึงเป็นเรื่องที่แกนนำทั้ง 8 พรรคร่วมต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวมีงูเห่า นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มี เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในอดีตที่ผ่านมาใครเป็นงูเห่า เลือกตั้งแต่ละครั้งสอบตกหมด ซึ่งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้คัดเลือกสมาชิกที่มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ จึงมั่นใจว่างูเห่าจะไม่เกิดขึ้น และในวันโหวตนายกรัฐมนตรี เราจะมีการกำชับไปยังส.ส.แต่ละท่าน รวมถึงวิธีการโหวตก็เป็นในทางที่เปิดเผยไม่ได้เป็นในทางลับ จึงเชื่อว่างูเห่าจะไม่กล้า หากใครทำเท่ากับฆ่าตัวเอง 

เมื่อถามถึงกรณีที่ส.ว. เสนอกติกาให้ปัดตกชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เสียงโหวตไม่ผ่านเกณฑ์รอบแรก นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นความเห็นส.ว. เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งการปัดตกรอบแรกนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานรัฐสภาและสมาชิก ทั้งนี้ ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง อาจไม่ถึงขั้นดำเนินการตามที่เสนอให้ความเห็น อย่างไรก็ดีความเห็นของส.ว.นั้น  เป็นส่วนหนึ่งของส.ว. 250 คน ไม่ใช่มติของส.ว. แต่อย่างใด ส่วนการส่งชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำตนเข้าใจว่าประธานรัฐสภานำเข้าที่ประชุมได้เลย

เมื่อถามว่า หากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 2-3 ครั้งแล้ว นายพิธายังไม่ผ่าน จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หรือจะสนับสนุนนายพิธาไปเรื่อยๆ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ 8 พรรคต้องกลับมาคุยกันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ตนคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นไหนๆ ก็เดินทางมาด้วยกันแล้ว ไม่ว่าจะโหวตกี่ครั้งก็ต้องกลับมาคุยกันก่อน 

เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน จะมีการสะกิดบอกพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่าเรายังมีอีก3 คน เพื่อจะได้มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลทราบอยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน ส่วนทางพรรคก้าวไกลมีคนเดียว แต่เรายังไม่ได้มีการคุยกันในประเด็นนี้ และไม่ได้มีการเตรียมแผนสำรองแต่อย่างใด ให้รอดูหน้างานตามขั้นตอน ว่า 8 พรรคร่วมจะมีความคิดเห็นร่วมกันอย่างไรในการเดินหน้า 

เมื่อถามว่า หากเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ อาจนำไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายประเสริฐ กล่าวว่า คงไม่เดินทางไปถึงจุดนั้น เชื่อว่าสุดท้ายแล้วประเทศมีทางออก การเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หากไม่มีฝ่ายค้านก็ไม่มีอำนาจถ่วงดุลซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย จึงเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาจะใช้ดุลพินิจในการตัดสินเรื่องนี้ได้ และคงไม่เกิดรัฐบาลแห่งชาติขึ้น