เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 7 ก.ค. 66 ที่อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฏรถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่ทางสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ออกมาให้ความเห็นที่ค่อนข้างชัดเจน ว่าจะไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เนื่องจากเงื่อนไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่ายังเป็นความเห็นของส.ว. เพียงบางคน เพราะ ส.ว.ส่วนใหญ่ ยังไม่ได้แสดงออกอะไร และคิดว่าคงแสดงออกในวันโหวต อย่าเพิ่งประเมินสถานการณ์จากสิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็ได้
เมื่อถามว่า ยังเชื่อมั่นในเสียงส.ว. ที่ไปคุยมาใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ยังมั่นใจในวิจารณญาณของส.ว.ส่วนใหญ่ ว่าอยากจะเห็นประเทศชาติเดินหน้าอย่างไร การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญ ที่ประชาชนแสดงออกว่าต้องการความปกติให้กับประชาธิปไตยของไทย “ดังนั้น ผมยังเชื่อมั่น ส.ว.จำนวนมาก ท่านจะให้โอกาสนี้กับประเทศไทย”
เมื่อถามว่า เสียงที่เหลือจะต้องมาจากส.ว. เท่านั้น หรือได้มีการพูดคุยกับส.ส. นายชัยธวัช กล่าวว่า ในส่วนของส.ส. คงเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนในพรรค ที่เราไม่ได้ชวนมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่ตนเชื่อว่าจะมีส.ส.หลายท่านใช้จุดยืนของตัวเอง เพื่อที่จะใช้สถานะความเป็นผู้แทนราษฎร ปกป้องรักษาระบบไว้ให้ได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ
เมื่อถามว่า จะมีการเจรจาถอยบางเรื่อง เพื่อให้ส.ว.ได้เห็นใจในการโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า คงเน้นพูดคุย และทำความเข้าใจมากกว่า ส่วนใหญ่ส.ว.รับรู้ข้อมูลจากสื่อมวลชนสั้นๆ หรือบางทีอาจจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเน้นการทำความเข้าใจมากกว่า
เมื่อถามว่าจะไม่ลดเพดานมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า จริงๆ ไม่แน่ใจ ว่าการลดเพดานหมายถึงอะไรแต่ที่ผ่านมาก็พยายามอธิบาย ว่า เจตนารมณ์ของเราเป็นอย่างไร เราเห็นปัญหาอย่างไร ทำไมเราถึงคิดว่าการเดินแนวทางแบบนี้ ดีต่อระบบประชาธิปไตย และต่อสถานบันพระมหากษัตริย์อย่างไร
เมื่อถามว่า ยังยืนยันว่าจะแก้ไขมาตรา 112 แม้จะมีคำทักทวงจากส.ว. ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มั่นใจว่าถ้าได้อธิบายเหตุผล จะมีความเข้าใจมากขึ้น
เมื่อถามว่า ระยะเวลาที่เหลือการอธิบายของพรรคก้าวไกลจะยังเพียงพอหรือไม่ เพราะว่าบางคนแสดงจุดยืนชัดเจนนายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องทำให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ในเวลาที่เหลือ เวทีสื่อมวลชนสัปดาห์หน้า ก็จะเป็นเวทีที่สำคัญหากมีแกนนำของพรรค รวมถึงนายพิธาได้ไปพูดกับสังคม และประชาชน สะท้อนผ่านไปยังส.ว. ซึ่งวันนี้จะมีการหารือกับประธานสภา ในเรื่องของการแสดงวิสัยทัศน์ ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ถูกเสนอชื่อ ว่าก่อนที่จะโหวต จะเปิดให้ส.ส.และส.ว. อภิปรายหรือซักถาม แคนดิเดตที่ถูกเสนอชื่อได้หรือไม่ ไม่ว่าจะกี่คน เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่สุดก่อนที่จะลงมติ
เมื่อถามว่า ใช้โอกาสนี้ในการย้ำใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องหารือว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร กระบวนการจะเป็นอย่างไร กับประธานสภา
เมื่อถามว่า หากการโหวตในรอบแรก นายพิธาไม่ได้รับเลือก จะมีการเสนอชื่อซ้ำหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ต้องว่าตามนั้น ไม่มีการเสนอครั้งเดียวแน่นอน วันนี้ยังเชื่อว่า จะโหวตจบในครั้งเดียว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ถ้ามีการเสนอชื่อแข่ง นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้กังวล การเสนอแข่งเป็นปกติในระบบรัฐสภาทุกครั้งที่มีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี หรือแม้กระทั้งประธานสภา ก็ปกติที่จะมีเสียงข้างน้อยเสนอ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ยังเชื่อว่าส.ว. จะไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ส่วนจะต้องโหวตอย่างน้อยกี่ครั้งนั้น ตนคิดว่าอย่าเพิ่งสรุปเป็นตัวเลข คงต้องดูสถานการณ์ที่เป็นจริง เพราะคงมีหลายเหตุปัจจัย แต่อย่าเพิ่งตัดว่าจะจบในครั้งเดียวออกไปด้วย
เมื่อถามว่า ยอมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีอาจจะเป็นคนอื่นในฝั่งประชาธิปไตย เช่นพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช กล่าวว่าตอนนี้มีอยู่คนเดียว อย่าเพิ่งเลยไปถึงตอนนั้น
เมื่อถามว่า คิดอย่างไร ส.ว.สายทหารบางคน ออกมาระบุว่าจะไม่เลือก นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งดูถูกอาชีพทหารตนคิดว่าทหารจำนวนมากก็มีความหวังดีกับประเทศชาติ ตนได้มีโอกาสพูดคุยแล้ว ทำทุกวันทั้ง ส.ว.ทหาร พลเรือนตำรวจ รวมถึงข้าราชการ ก็ทำเต็มที่ที่สุดจนวันสุดท้าย
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ถ้ามีผู้สนับสนุนของพรรคก้าวไกลมาชุมนุม นายชัยธวัช กล่าวว่า “อย่าเพิ่งบอกว่ามาสนับสนุนพรรคก้าวไกลก่อน” ตนเห็นว่ามีการเปิดแคมเปญ “Respect my vote” คงเป็นการแสดงเจตจำนงของประชาชนที่ลงคะแนนเสียง ไม่เคารพเสียงเลือกตั้งและเคารพประชาชน คืออยากให้ทุกคนฟังระบบที่ควรจะเป็นไม่ใช่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ส่วนจะแสดงออกอย่างไร ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่ก็หวังว่าการแสดงออกทางการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหนเป็นไปด้วยความสงบ ไม่อยากเห็นฝ่ายไหนเกิดความรุนแรง
เมื่อถามต่อถึงกรณีเกิดความล่าช้าในการพิจารณาจาส่งผลต่อการทำงานหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่งผลเเน่นอน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณประจำปี เเละนโยบายที่เร่งด่วนต่างๆ จะส่งผลกระทบไปหมด ฉะนั้นจบเร็วมากเท่าไหร่ยิ่งดี และจบแบบเคารพผลการเลือกตั้งดีที่สุด เพราะจะทำให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ