นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน  เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 ตอน "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" ระบุถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยพูดกลับไปกลับมาในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แสดงถึงการหักหลังพรรคก้าวไกล และเป็นพรรคพูดสับปลับ ไม่น่าเชื่อถือ

นายจตุพร กล่าวถึงการพูดกลับไปกลับมาว่า เมื่อ 18-19 มิ.ย.ที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค จู่ๆ ประกาศราวกับนัดแนะกันไว้ว่า ตำแหน่งประธานสภา เป็นของพรรคอันดับหนึ่งคือ พรรคก้าวไกล 

อีกทั้ง กล่าวว่า ในวันที่พูดนั้น ถามว่าใครบังคับให้พูด แล้วมาถึง 21 มิ.ย.วันสัมนาพรรคเพื่อไทย ส.ส.ค้าน นายอดิศร เพียงเกษ ต่อต้านไม่ยอมให้สามเณรมาเป็นเจ้าอาวาสวัด ถัดมาล่าสุดวันที่ 27 มิ.ย. แกนนำพรรคเพื่อไทยมาเปลี่ยนคำพูดเอาตำแหน่งประธานสภาตามหลัก 14+1 ให้ได้ ซึ่งนักการเมืองพวกหัวดำหัวขาวเต็มพรรค พูดกลับไปกลับมาเช่นนี้ ควรต้องละอายตัวเองอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ได้พูดเพื่อเตือนสติพรรคเพื่อไทยตลอดว่า อย่าไปแย่งชิงเอาประธานสภาจากพรรคอันดับหนึ่ง เพราะไม่มีประเพณีการเมืองปฏิบัติ อีกอย่างในสถานการณ์ขณะนี้บ้านเมืองจะเกิดวิกฤตวุ่นวายคนจะออกมาเต็มท้องถนนแน่ถ้ามีการหักหลังกันแบบนี้  

“เมื่อหักหนึ่งก็ต้องมีสอง และหักสามถึงตำแหน่งนายกฯ ส่วนก้าวไกลจะตัดสินใจอย่างไร อาจเดินไปตามน้ำในความต้องการของเพื่อไทย เพราะในอนาคตแล้ว พรรคก้าวไกลรู้ว่าต้องเป็นฝ่ายค้านสถานเดียว”

อย่างไรก็ตาม นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ไม่ตรงไปตรงมา มีความผิดปกติ ถ้า ก้าวไกลตัดสินใจสู้ ซึ่งต้องแพ้อยู่ดี แต่ผลลัพธ์ทางการเมืองก็คือ การแตกหักกับเพื่อไทย เพราะถูกเพื่อไทยหักหลังก่อน

 

 

ขอบคุณรายการ :ประเทศไทยต้องมาก่อน