สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ...*...
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่ผู้คนให้ความสนใจนอกเหนือจากเรื่องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยหรือไม่ หลัง กกต.มีมติรับพิจารณาตรวจสอบนายพิธา ตามมาตรา 151 เหตุรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามจากกรณีที่นายพิธาได้ถือหุ้นสื่อ แต่ก็ยังคงสมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อแล้ว ...*...
อีกข่าวที่เป็นกระแสเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึงไปทั่ว คือความเคลื่อนไหวของเด็กหญิงหยก เยาวชนผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ดึงดันปีนรั้วเข้าเรียน ทั้งที่ขาดสถานภาพภาพความเป็นนักเรียน เพราะขาดคุณสมบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดของโรงเรียน ...*...
เป็นที่น่าสังเกตว่าข่าวของเด็กหญิงหยก และนายพิธามีความเหมือนตรงที่ทั้งคู่มีปัญหา เพราะไม่เดินตามระเบียบแนวทางกรอบปฏิบัติโดยรวมที่ทุกคนอยู่ภายใต้กติกาเดียวกันมาช้านาน ไม่ใช่เป็นกฎที่พึ่งกำหนด หรือนำมาใช้โดยเฉพาะเจาะจงกับนายพิธาและเด็กหญิงหยก ...*...
ในส่วนของนายพิธานั้น ที่สุดแล้วมีขั้นตอนกระบวนการพิจารณาจากองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ได้รับการยอมรับจากนายพิธา และกองเชียร์หรือไม่ จะเป็นเหตุให้มีการปลุกมวลชนลงถนนประท้วงอีกไหม ประเทศชาติต้องบอบช้ำเสียหายอีกเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับ “จิตสำนึก” ของผู้เกี่ยวข้อง ...*...
สำหรับกรณีของเด็กหญิงหยก มีท่าทีจากพรรคก้าวไกลผ่านถ้อยแถลงบางช่วงบางตอน เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งเปิดบทสนทนากับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อออกข้อกำหนดว่ามีกฎระเบียบด้านไหนบ้างที่ขัดกับหลักสิทธินักเรียนและสิทธิมนุษยชน เพื่อทำให้การทำตามกฎระเบียบและการคุ้มครองสิทธินักเรียนไม่ขัดแย้งกันกฎระเบียบใดๆ ที่มีความเห็นร่วมกันว่าขัดหลักสิทธิมนุษยชน กระทรวงต้องออกข้อกำหนดที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้มีกฎดังกล่าวในโรงเรียน ส่วนกฎระเบียบอื่นๆ ก็ควรถูกออกแบบโดยโรงเรียนผ่านกระบวนการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ...*...
“เป้าหมายสูงสุดของเรา คือการไม่ทำให้ใครหลุดออกจากระบบการศึกษา และให้โรงเรียนต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและโอบรับทุกคน” แถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ...*...
อีกด้านหนึ่งมีมุมมองจาก”โบว์” น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าอย่าจงใจลดทอนเรื่องของหยก ว่าเป็นประเด็นเรื่องเครื่องแบบและทรงผม น้องปฏิเสธกติกาหลายอย่างในโรงเรียน แต่สิ่งที่ทำให้โรงเรียนมีปัญหามากที่สุดและนำสู่ความกังวลของนักเรียนและผู้ปกครองในโรงเรียน คือกลุ่มคนที่อ้างตนเป็นผู้ปกครองน้องแล้วมาแสดงพฤติกรรมคุกคาม ทำให้กล้องวงจรปิดหน้าโรงเรียนใช้การไม่ได้ กลุ่มทะลุวังที่หยกไปร่วมกิจกรรมด้วยใช้สัญลักษณ์ “อนาธิปไตย” ในการเคลื่อนไหว ด้วยแนวทางแบบนี้ พวกเขาอาจทำอะไรก็ได้ ...*...
“ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องของเด็กหนึ่งคนธรรมดา แต่มีบริบททางการเมืองที่กลายมาเป็นปัญหาของโรงเรียน จัดการเรื่องผู้ปกครองให้น้องก่อน แยกเด็กออกมาจากกลุ่มคนที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง แล้วทุกอย่างจะคลี่คลายได้ตามกระบวนการปกติ” น.ส.ณัฏฐาระบุ ...*...
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่อยู่เบื้องหลังยุยงส่งเสริมให้เด็กหญิงหยกมีพฤติกรรมเช่นในปัจจุบัน หากเห็นดีเห็นงานชื่นชมกับสิ่งที่เด็กหญิงหยกเป็น ก็ควรอบรมหล่อหลอมลูกหลานตัวเองให้มุ่งไปในแนวทางนี้เช่นกัน อย่าได้เอาแต่ดันหลังเด็กหญิงหยกมาเป็นเครื่องมือ ในการบ่อนเซาะ ทำลายวัฒนธรรมไทย ที่มีครอบครัวเป็นรากเหง้าสำคัญ ...*...
ที่มา:เจ้าพระยา (22/6/66)