วันที่ 22 มิ.ย.2566 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีความขัดเจนเรื่องของตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า คณะเจรจาได้นัดหมายจะมีการคุยของแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็เป็นขบวนการขั้นตอนภายในของแต่ละพรรค ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็เป็นการพิจารณาภายในของพรรค โดยจะนำข้อพิจารณานี้ไปเจรจากับพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกลัวว่าจะบานปลาย ทางออกจะเป็นอย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญและระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อพรรคเปิดโอกาสให้พูดคุยในพรรค และเมื่อมีความเห็นก็ให้เป็นคณะเจรจาไปกำหนดแนวทางการเจรจา เพราะสิ่งที่พูดไปเป็นเพียงข้อคิดเห็นของส.ส. และรับฟังความเห็นในเรื่องประธานสภา ซึ่งมีคนแสดงความเห็นและบอกว่าเสียงส่วนใหญ่ มองว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะนำเสนอตัวเองเป็นประธานสภา
"ยืนยันว่า แคร์ความรู้สึกของสมาชิกเป็นหลัก แต่ความรู้สึกที่เราต้องแคร์คือความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และความคิดความรู้สึกของสมาชิกพรรค รวมถึงพรรคร่วมต้องมองทุกมิติให้รอบด้าน"
เมื่อถามว่าจะปล่อยให้ฟรีโหวตหาือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส.ส. มีเอกสิทธิ์ในการลงมติแต่ระบบของพรรคการเมืองต้องมีการพูดคุยกัน โดยระบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต้องยึดเสียงข้างมากเป็นหลัก แต่ทั้งนี้เชื่อว่า ส.ส. พรรคเพื่อไทยเองมีวินัย
เมื่อถามว่าหากมีการเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภา จะมีการพูดคุยในพรรคหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าจะไม่เกิดขึ้นและจะไม่ละเมิดสิทธิ ส.ส. หรือสมาชิกของพรรค รวมถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามสมาชิกในพรรคใต้ต้องเคารพเสียงข้างมาก ซึ่งยังไม่รู้ว่าเสียงจะออกมาแบบไหน มองว่าอาจจะมีข้อยุติที่ดีก็ได้
เมื่อถามถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯอันดับ 2 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคแกนนำต้องไปพูดคุยกัน ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกลว่าจะคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติอย่างไร แต่เบื้องต้นเนื่องจากพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 3 แต่ได้คะแนนห่างจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคอันดับ 2 เป็นร้อยคะแนน จึงเสนอให้พรรคเพื่อไทย ได้ตำแหน่งรองประธานสภาทั้ง 2 เก้าอี้
เมื่อถามว่านายวันมูหะมัดนอร์ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่าหากฝ่ายประชาธิปไตยตกลงตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ได้คงต้องจบเห่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อาจจะไม่ถึงขั้นนั้น ทั้งสองพรรคต้องพูดคุยให้จบก่อนวันที่ 3 ก.ค.66 ก่อนเปิดประชุมสภาฯนัดแรก
