วันที่ 22 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่าการรายงานตัวส.ส.วันที่ 3 บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากวันนี้ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะมารายงานตัวทั้งหมด หลังจากนั้นช่วงบ่ายจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ หรือ 17 ปีที่ได้กลับมาทำงานในสภาอีกครั้ง จากที่เมื่อวานนี้มาการพูดคุยความเห็นประธานสภาในงานสัมมนาของพรรคนั้น เป็นการประชุมภายในของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาตลอด 22 ปี พรรคก็มีประเด็นแลกเปลี่ยนเมื่อมีปัญหากัน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตย ก็ถกเถียงเอาเป็นเอาตายซึ่ง ส.ส.ทั้ง 141 คน ได้ข้อมูลไม่ตรงกัน จากเดิมทั้งบอกว่าพรรคเราคะแนนไล่เลี่ยกันจะได้ตำแหน่ง 14+1 คือพรรคก้าวไกลได้นายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภาฯ และอยู่ ๆ ก็ยกให้ตำแหน่งประธานสภาฯ ให้ก้าวไกล

“ขอนุญาติพาดพิง และขอโทษพรรคก้าวไกลด้วย หากมีข้อสรุปอย่างไร คนที่มีหน้าที่เจรจากับก้าวไกลโดยคำนึงถึงความรู้สึกของ ส.ส. ในพรรคเกือบ 100%  ดูว่ามีความคิดเห็นอย่างไร และดูว่าจะมีท่าทีอย่างไร ผมไม่อยากให้ตำแหน่งประธานสภาไปขัดการจัดตั้งรัฐบาลผสม"นายอดิศร กล่าว



นายอดิศร กล่าวต่อว่า ตามความสำรวจเมื่อวานนี้ ส.ส. เกือบ 100% ไม่เห็นด้วยกับการให้ประธานสภาฯ กับพรรคก้าวไกล เพราะคะแนนเสียงต่างกันไม่มาก และถ้ามีปัญหาถกเถียงกัน ต้องใช้ที่ประชุม สภาฯ ในการหาทางออก เพราะสภาไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เนื่องจากไม่มีใครได้คะแนนเกินครึ่ง และอยากให้เรื่องนี้จบเร็ว ๆ 

เมื่อถามว่ามีการพูดเปรียบเทียบว่า สามเณรบวชใหม่จะมาเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้ นายอดิศร กล่าวว่า เป็นคำเปรียบเทียบในภาษาอีสาน ซึ่งทุกคนก็เป็นประธานสภาฯ ได้ เพราะเป็น ส.ส. ที่ประชาชนเลือกมาแล้ว

เมื่อถามว่าถ้าเลือกประธานไม่ได้ จะทำอย่างไร นายอดิศร กล่าวว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ในที่ประชุมพรรค ตนเองก็ขอแสดงบทบาทอีกครั้ง  ต้องขออภัยพรรคก้าวไกลด้วย เราสูงไล่เลี่ยกัน เราต่างมีแฟนคลับทั้งสองพรรค และอยากให้แฟนคลับอยู่ในฐานที่มั่นที่มั่นคง ประชาชนมองให้เป็นทั้งสองพรรคเป็นปาท่องโก๋ มีนายกฯ ที่ชื่อพิธาให้ได้ ตนมีระเบียบวินัยมากพอ การพูดคุยต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และหวังว่าเส้นทางประชาธิปไตยนี้จะไปได้ดี