เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 20 มิ.ย. 66 ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ เขต 1 พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังการรับหนังสือรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. ถึงการผลักดันนโยบายภายหลังการได้เป็นส.ส. ว่า เรื่องแรกที่ตนเห็นว่าสำคัญที่สุด คือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ซึ่งตนได้ร่าง และเตรียมการไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะเสนอเป็นเรื่องแรกเมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองที่โดนคดีทั้งหลาย ควรจะต้องยกเลิกให้หมด เขาจะได้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ตนเองก็โดนถึง 8 คดี ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย เพียงแค่เข้าร่วมชุมนุม ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดการชุมนุม เป็นเรื่องที่ทำให้เสียเวลา เหนื่อย เสียสมาธิ ตนเองยังสามารถซัพพอร์ตได้ แต่น้องๆที่ไม่มีงานทำ จะต้องเสียค่าใช่จ่ายเท่าไหร่ในการสู้คดี เหมือนกับเป็นการกลั่นแกล้งเขา
“คนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ไม่ควรจะมีความผิด ไม่ควรที่จะต้องรับโทษ” นพ.ทศพร กล่าว
เมื่อถามว่า จะรวมไปถึงการนิรโทษกรรม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย ในช่วงเดือนก.ค. ด้วยหรือไม่ น.พ.ทศพร กล่าวว่า ตนคงไม่เป็นเจ้าของความคิดคนเดียว เมื่อเราส่งร่างฯฉบับนี้เข้าสภาฯ แล้ว เมื่อมีการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งอาจจะให้บุคคลภายนอกเข้ามาช่วย ในการระดมความคิดในสภาฯ รวมถึงรับฟังคนทั้งประเทศ ถึงตอนนั้นคงเป็นฉันทามติ จะนิรโทษกรรมคดีใด หรือใครบ้าง ก็ให้ประชาชนช่วยกันคิด จะได้ไม่มีความขัดแย้งกันอีก ตนไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าจะซ้ำรอยกับในอดีตที่เคยมีการชุมนุม ภายหลังการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นพ.ทศพร กล่าวว่า ไม่กังวล ตนคิดว่าคราวนี้ ถ้าจะทำเรา ก็ควรจะทำอย่างรอบคอบที่สุด เชื่อว่าจะลดความขัดแย้งลงได้
เมื่อถามว่า คิดว่าจะเป็นชนวนที่นำไปสู่การเกิดรัฐประหารหรือไม่ นพ.ทศพร กล่าวว่า ไม่น่า ถ้าเกิดการรัฐประหาร ตนคิดว่าประชาชนไม่ยอมแน่ๆ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แค่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย 20-30 ล้านคน ออกมาลงถนน ประเทศก็เป็นอัมพาตแล้ว