สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

เมื่ออ้างความโปร่งใสในการตรวจสอบคนอื่น ตัวเองก็ต้องพร้อมรับการตรวจสอบด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่เป็นข่าวอื้อฉาวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น อีกประเด็นที่หลายๆฝ่ายต้องการทราบข้อเท็จจริงจากปากนายพิธาคือกรณีที่มีสื่อบางสำนัก รายงานว่าระหว่างปี 2549- 2560 บริษัทออยล์ ฟอร์ไลฟ์ ของครอบครัวนานพิธาได้ให้เงินกู้ระยะสั้นแก่บุคคลปริศนา ในระหว่างที่นายพิธาเป็นกรรมการบริษัท รวมแล้วเป็นเงิน 117 ล้านบาท และต่อมาเงินกู้ดังกล่าวนี้ได้มีการตัดเป็นหนี้สูญไปแล้วทั้งหมด …*…

“เรื่องนี้แม้เป็นเรื่องส่วนตัวภายในบริษัทของคุณพิธา แต่เนื่องจากคุณพิธากำลังพยายามจัดตั้งรัฐบาล หากทำได้สำเร็จตัวเองจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพิธาจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ต่อสาธารณะว่าเงินกู้จำนวนนี้ใครเป็นคนเอาไป เมื่อไม่ได้ชำระหนี้ ทำไมกลับตัดเป็นหนี้สูญ เงินจำนวนมากถึง 117 ล้านบาท ทำไมจึงไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี จนบัดนี้ คุณพิธาก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจง นั่นแสดงว่าไม่สามารถชี้แจงได้ พรรคก้าวไกลพยายามเน้นเรื่องความโปร่งใสตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา ถึงกับพยายามจะให้ตรวจสอบทรัพย์สินและการใช้จ่ายของพระมหากษัตริย์ แต่บริษัทของหัวหน้าพรรคกลับไม่ยอมออกมาชี้แจงให้ชัดเจน”ข้อสังเกตจากรศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว …*…  

ส่วนที่มีการประดิษฐ์วาทกรรม “นิติสงคราม”ที่อ้างว่าเพื่อใช้ทำลายนายพิธาและพรรคก้าวไกลนั้น มีข้อโต้แย้งชวนให้คิดต่อจาก “ทนายบอน” นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติว่า กฎหมายห้าม ส.ส. ถือหุ้นสื่อมีมาหลายยุคหลายสมัย มีตั้งแต่ก่อนเกิดพรรคอนาคตใหม่ คนที่ถูกดำเนินคดีมีมาแล้วแทบทุกพรรค ดังเช่นที่ ส.ส. ปชป. เคยโดนตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งพรรคอนาคตใหม่  …*…

“ถ้าเรื่องนี้ ที่คุณพิธาถือหุ้นไอทีวี เป็นนิติสงครามจริง ก็แปลว่าต้องมีการวางแผนตรากฎหมายนี้มาตั้งแต่ก่อนเกิดพรรคอนาคตใหม่ วางแผนให้ศาลพิพากษาให้ ส.ส. หลายท่านพ้นจากตำแหน่งมาก่อนตั้งแต่ก่อนที่ธนาธร และพิธา จะมาเล่นการเมือง ต้องวางแผนด้วยว่าแม้ธนาธร จะโดนไปแล้ว แต่พิธาก็ต้องพลาดซ้ำอีก ... จนในที่สุดจึงมาสำเร็จได้ในวันนี้ งั้นหรือ!? การเมือง คือ เวทีของการแข่งขัน มีกติกาที่เคร่งครัดเป็นตัวกำหนด แล้วกติกาเรื่องหุ้นสื่อ ก็มีที่มาที่ไปว่าเมื่อนักการเมืองมีเอี่ยวกับหุ้นสื่อแล้ว มีการใช้สื่อครอบงำและสร้างความเสียหายได้จริง จึงมีกติกานี้ขึ้นมา และประกาศอย่างเปิดเผยให้ทราบล่วงหน้าทั่วกัน ในทางปฏิบัติการแข่งขันทางการเมืองดุเดือด จริงจัง ใครพลาดมีหลุดจากตำแหน่ง มีติดคุกได้ ถ้าจะเข้าสู่การเมือง มาถืออำนาจรัฐที่ต้องแบกรับความคาดหวังของประชาชนไว้บนบ่า ต้องจริงจัง ต้องรับผิดชอบตัวเองได้ก่อน เพราะว่าพวกท่านกำลังจะมาบริหารประเทศกันนะครับ ไม่ได้มาเล่นขายของ หยุดเอาความบกพร่องของตัวเอง มาปลุกปั่นสร้างความขัดแย้ง หัดยอมรับความจริงบ้างจะแมนกว่านะครับ”ทนายบอนระบุ …*…

ขณะที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตผู้ช่วยรองนายกฯ(พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ซึ่งแม้ที่ผ่านมาอาจถูกมองว่ามีมุมมองค่อนข้างเป็นมิตรกับพรรคก้าวไกลเสียส่วนใหญ่ ให้ความเห็นไว้น่าสนใจว่า พรรคก้าวไกลอาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ด้วยเหตุ 3 ประการ คือเรื่องมาตรา 112 เรื่องการต่อยอดยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ซึ่งกำลังก่อให้เกิดความไม่สบายใจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศ sco จนทำให้ได้รับการสนับสนุนจากส.ว.ไม่พอที่จะทำให้รวมได้ถึง 376 เสียง  …*…

 “เรื่องสำคัญที่สุดคือ “อิทธิพลของพวกซ้ายจัดที่รับใบสั่งจากต่างชาติ” เป็นอันตรายต่อพรรคโดยตรง เพราะพรรคการเมืองของประชาชนนั้น จะต้องมีจุดยืนอยู่กับผลประโยชน์ของประชาชนไทย เป็นปากเสียงของประชาชนไทย ทำการต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประชาชนไทยนั่นคือต้องไม่ใช่เพื่อชาติมหาอำนาจ พรรคก้าวไกลจะต้องดำรงรักษาความเป็นพรรคการเมืองของประชาชนใน 3 ประการนี้ให้ได้ ต้องไม่ให้อิทธิพลของคนที่อยู่ใต้อานัติของต่างชาติมีบทบาทในพรรคโดยเด็ดขาด”คำเตือนจากนายไพศาลถึงพรรคก้าวไกล …*…

ที่มา:เจ้าพระยา (15/6/66)