เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. 66 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมระหว่างหัวหน้าพรรคร่วม ทั้ง 8 พรรค ถึงกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันนี้ ในกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศชะลอนโยบาย 10,000 บาท ที่จะแจกประชาชน และการที่ กกต. ประกาศรับรองนโยบาย 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทย แล้วมายกเลิก ซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งที่ยังไม่มีผลรับรองการเลือกตั้งส.ส. ให้ กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัย ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ยุบพรรคเพื่อไทย และเอาผิดกกต. ในกรณีรับรองนโยบายที่ไม่รอบคอบชัดเจน 

โดยนพ.ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้ จริงๆ ต้องขอบคุณไปที่นายสนธิญา ที่เขาขยันทำหน้าที่ของตัวเอง ในประเด็นสาธารณะโดยประเด็นของนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเมื่อตนดูคำร้องของนายสนธิญา เราไม่ได้หวั่นเกรงและไม่ได้วิตกอะไร แต่ละฝ่ายล้วนทำหน้าที่ของตนเองไป และเชื่อมั่นว่าในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นนั่นเป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว คือการที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวในนามพรรคไป ซึ่งมีความชัดเจนว่าเมื่อเราเป็นพรรคอันดับ 2 จะนำนโยบายของเราเสนอไปเป็นนโยบายรัฐบาลและการที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ก่อน  ซึ่งจะต้องหมายความว่า จะต้องมีการพูดคุยกันจึงใช้คำว่าชะลอ เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกลจะต้องใช้เม็ดเงินก้อนเดียวกัน ทั้งนี้ มั่นใจในข้อกฎหมายว่าไม่ได้เข้าข่ายฐานความผิดที่เป็นการหลอกลวงประชาชน 

“เพราะขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะหากนายสนธิญา ศึกษาอย่างลึกซึ้งและเข้าในใจประเด็น เขาจะไม่ร้องในประเด็นนี้ เพราะผมเชื่อว่าหากเขาร้องในประเด็นนี้เขาจะอายตัวเองที่ไม่ศึกษาอย่างลึกซึ้งและไปร้อง จนทำให้สังคมเกิดความสับสน วุ่นวาย ตอนแรกผมชมแล้วนะว่าเขาสามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่บางเรื่องอะไรที่ทำให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวายก็เข้าข่ายก่อความวุ่นวายในสังคมได้โดยเฉพาะมิติสังคมในขณะนี้ที่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ ในขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะต้องเริ่มจากพรรคการเมือง ซึ่งเขาต้องทำตามข้อกฎหมาย และเราได้แจ้งไปทางกกต.ว่าเราจะทำนโยบายนี้ เพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง และกกต.ก็รับทราบ “ นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนจะเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่นั้น หากสามารถครองเสียงข้างมากได้เหมือนสมัยไทยรักไทยนั้น เราสามารถนำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคมาเป็นนโยบายหลักได้เลย แต่ขณะนี้เป็นพรรคร่วม เราเป็นอันดับที่ 2 ก็ต้องเป็นการจัดทำนโยบายร่วมกัน และขึ้นอยู่กับการพูดคุยตกลงกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ 

เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในมาตรา 101 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีข้อกฎหมายเขาคุ้มครองพรรคการเมือง หากผู้ใดร้องเท็จ หรือฟ้องเท็จพรรคการเมือง พรรคการเมืองก็สามารถที่จะร้องเอาผิดผู้ที่จงใจกลั่นแกล้ง หรือทำให้พรรคการเมืองเสียหายได้ ซึ่งหากเป็นความจริงโทษตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปีและติดคุกไม่น้อยกว่า 5 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายคงต้องไปดู และดูในรายละเอียดต่อไป 

เมื่อถามถึงกรณีที่กกต.จะรับรองส.ส.หากมีใบเหลือง ใบแดง มองว่าจะส่งผลต่อสมการตัวเลข ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เท่าที่ฟังประธานกกต.แถลงต่อสื่อมวลชน หากเป็นไปตามนั้น คำร้องกว่า 280 เรื่อง มีว่าที่ส.ส.ที่อยู่ในข่าย 20 คน ซึ่งตามกฎหมายต้องมีการรับรองส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หลังจากนั้นต้องมีการรายงานตัว หลังจากนั้นก็สามารถที่จะไปเปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกประธานสภาฯ นายกฯได้ แต่หากถามว่า 20 คนนี้มีผลหรือไม่นั้น หากอยู่ฝ่ายเราจริงๆก็ไม่มีผล เพราะมีตัวเลขส.ส. กว่า 290 คน ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้ 

“ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าในจำนวน 20 คนนี้เป็นคนของพรรคเพื่อไทยนั้น คำว่า ถ้า ผมไม่อยากจะตอบเพราะถ้า มันเยอะ ต้องไปดูข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้เราก็พยายามติดตามอยู่ว่า 20 คนนี้เป็นคนจากพรรคไหนอย่างไรพรรคเพื่อไทยเรามีเท่าไหร่ เรายังไม่มีข้อมูลตรงนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ต้องขออภัยจริงๆ ยังไม่สามารถที่จะตอบได้แต่ยืนยันว่าเรายึดมั่นในฝ่ายประชาธิปไตย เราได้รับอาณัติมาจากประชาชน ซึ่งเป็นความจริงที่ผมสามารถพูดได้” นพ.ชลน่าน กล่าว 

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการหยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาหารือกันหรือไม่ นพ. ชลน่าน กล่าวว่า เราได้มีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงไทม์ไลน์ของสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น โดยข้อสรุปเป็นเหมือนที่แถลงไป ว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลของเรา