เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 7 มิ.ย. 66 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล นำแถลงความคืบหน้า ภายหลังการประชุมระหว่างหัวหน้าพรรค และแกนนำของทั้ง 8 พรรคร่วม ซึ่งประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาตินายเสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรวมพลัง นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ พรรคพลังสังคมใหม่

โดยนายพิธา กล่าวว่า มีวาระการประชุมสำคัญสองเรื่อง คือ 1.การประเมินสถานการณ์การเมือง ตลอดจนถึงกรอบเวลาของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรีบทำงานในการรับรองส.ส. ให้เร็วที่สุด ให้ครบ 95% หากเป็นไปอย่างที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า วันที่ 13 ก.ค. จะเป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะมีกระบวนการต่อมา ตั้งแต่ให้ส.ส.รายงานตัว เลือกประธานสภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรี และถวายสัตย์ปฎิญาณตน ซึ่งเราเห็นตรงกันทั้ง 8 พรรค ว่าน่าจะเลื่อนเข้ามาได้เร็วมากขึ้น 2-3 สัปดาห์ และหมายความว่าหัวหน้าพรรคทุกคนจะต้องเตรียมการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมนโยบายในการแถลงต่อรัฐสภาหรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ซึ่งคาดว่าจะเข้าในช่วงส.ค.หรือก.ย. ถ้าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว ก็น่าจะมีการบริหารจัดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และดูแลพี่น้องประชาชนได้รวดเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน

2.การอัพเดตความคืบหน้าของคณะทำงาน คณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล สืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งหัวหน้าพรรคทั้ง 8 พรรคเห็นได้ให้แนวทางในการทำงานต่อ โดยจะมีการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 20 มิ.ย. ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย 

และได้มีการขอให้ประสานไปยังคณะทำงาน เพื่อตั้งคณะทำงานเพิ่มอีก 2 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะทำงานเกี่ยวกับการปฎิรูปประมง ซึ่งระบุไว้ในเอ็มโอยูอยู่แล้ว และเราเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน 2.คณะทำงานดูแลการเปลี่ยนผ่านของงบประมาณ ถึงแม้จะมีงบประมาณผูกพันมาจากงบประมาณของปี 66 แต่หากเราทำงานได้เร็ว งบประมาณของปี 67 ก็น่าจะสามารถใช้ได้เร็ว และสามารถนำงบประมาณไปแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า เมื่อที่ประชุมเห็นตรงกันว่าจะขยับกรอบเวลาการทำงานของร่วมรัฐบาล ในเรื่องปัญหาของบุคลากรที่จะดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ก็น่าจะจบลงได้แล้วหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังพูดคุยกันอยู่ ในเมื่อการประกาศรับรองส.ส. ก็อาจจะเร็วขึ้น ทุกกระบวนการในการทำงานไม่ว่าบุคลากร นโยบายหรืองบประมาณก็คงต้องเร่งรัดเข้ามา