เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. 66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล นำแถลงภายหลังการประชุมตัวแทนคณะทำงาน 7 คณะครั้งแรก ซึ่งประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลังและพรรคพลังสังคมใหม่ โดยมีแกนนำของ 8 พรรคเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายพิธา เป็นประธานในการประชุม นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายวรภพ วิริยะโรจน์ คณะทำงานด้านนโยบาย พรรคก้าวไกล นายวิรัตน์ วรศสิริน รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นางสาวนภาพร เพ็ชรจินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายสุพันธ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรวมพลัง นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ พรรคพลังสังคมใหม่ๆ
โดยนายพิธา กล่าวว่า ผลการประชุมของคณะประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล สืบเนื่องจากการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มีการประชุมที่พรรคประชาชาติ ที่มีการคณะทำงานทั้ง 7 คณะ ประกอบด้วย 1.ปัญหาค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และพลังงาน 2.ปัญหาภัยแล้ง และเอลนินโญ 3.ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ 4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ5.ปัญหาสิ่งแวดล้อม และ PM 2.5 6.เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง และ SME 7.ปัญหายาเสพติด โดยวันนี้มีวาระการประชุมแรก ในการตามงาน ซึ่งมีตัวแทนจากพรรคร่วม พรรคละ 1 คน ในแต่ละคณะทำงานข้างต้น
วาระที่สอง คือการกำหนดบทบาทในการทำงานและผลลัพธ์ที่เราต้องการเห็น และกำหนดกรอบในการทำงาน เพื่อที่จะให้คณะทำงานต่อๆ ไป สามารถทำงานต่อเนื่อง มีเอกภาพ และผลลัพธ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อพี่น้องประชาชนได้จริง
ส่วนวาระที่สาม มีการกำหนดคณะทำงานเพิ่ม 5 คณะทำงาน ประกอบด้วย 1.คณะทำงานเศรษฐกิจและดิจิทัล 2.คณะทำงานต่อต้านคอรัปชั่นและส่วย 3.คณะทำงานสาธารณสุข โดยจะเน้นในเรื่องการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์4.คณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติของสังคมไทย 5.คณะทำงานปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ
นายพิธากล่าวต่อว่า หวังว่าจะมีคำตอบให้กับสังคมในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันได้ระบุว่ายังไม่มีคำตอบให้ และต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาแก้ไข จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนี้ที่จะหาคำตอบต่อไปหรือแม้กระทั่งการต่อยอดจากการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ว่าที่ส.ส.เราได้ทำ และขยายผลต่อเนื่องเพื่อที่จะลดคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ซึ่งบุคคลากรที่ทำงานในแต่ละคณะจะมีการเปิดเผยต่อไป
ด้านนายเผ่าภูมิกล่าวว่า วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำงานด้วยกัน ของทั้ง 8 พรรค เราใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่าเพราะทุกวินาทีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียไป ทุกวินาทีเป็นความเดือดร้อนของประชาชน โดยในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยได้เสนอแนะกรอบการทำงาน 5 ข้อ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ได้แก่ 1.ความมั่นคงทางการคลัง ซึ่งถ้าเราสามารถเข้าสู่สมดุลทางการคลังในอีก 7 ปีข้างหน้า จะเป็นนิมิตรหมายที่ดีของประเทศไทย 2.ระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ มีฐานภาษีที่สูงขึ้น คนเข้ามาในระบบมากขึ้น และส่งผลให้รายได้ของรัฐมากขึ้น ซึ่งจะต้องไม่กระทบต่อภาคเอกชนและภาคการระดมทุน 3.การออกแบบนโยบายที่ต้องคิดคำนวณการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการเท่าเทียมกับกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจ 4.ในแต่ละคณะทำงานต้องมีการวางแผนงานในระยะสั้น-ระยะกลาง-ระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างในด้านต่างๆ 5.การเปิดให้ประเทศมีการหารายได้จากการต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโลก และดึงดูดการค้าการลงทุน
ส่วนพล.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราเอาสิ่งที่เป็นปัญหาของชาติมาตั้งเป็นคณะทำงาน ไม่ใช่แค่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ซึ่งคณะทำงานเดิมที่มีอยู่ก็ได้เริ่มทำหน้าที่ไปแล้ว และยังต้องทำโร้ดแมพให้เกิดความสงบในพื้นที่ชายแดนใต้ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำความยากจน และปัญหาที่เป็นรากเหง้าคือปัญหาที่ดินทำกิน การถือครองที่ดินที่เป็นธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้จะเข้าไปอยู่ในนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับนายน.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวเสริมในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทั้ง 8 พรรคเห็นตรงกันว่าเป็นวาระเร่งด่วนและควรทำให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด หลังจากมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล และในเรื่องของราคาพลังงาน ทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้า เราเห็นตรงกันว่าควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบเพื่อให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด และทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเป็นธรรม สำหรับการเพิ่มเติมของคณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคม เรามองตรงกันว่าไม่ใช่เป็นเพียงการให้ความสำคัญกับรัฐสวัสดิการเท่านั้น แต่ต้องทำให้การเติบโตของของเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กันอย่างเท่าเทียม
ฝั่งนายวสวรรธน์ กล่าวว่า เราคุยในเรื่องของการวางคนให้ถูกกับงาน การวางงานให้ถูกกับคนอย่างไร ในด้านของเกษตรกรที่มีปัญหาในเรื่องแหล่งน้ำ การสร้างนวัฒกรรมทางการเกษตร ซึ่งต่อยอดจากทางพรรคก้าวไกลในการเพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตร เช่นอ้อย และการผลักดันพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพื่อให้เกษตรกรคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเราจะติดตามงานในด้านต่างๆ ต่อไป เพื่อที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง
ฟากนายวิรัช กล่าวในเรื่องของนโยบายปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ว่า เนื่องจากเราเห็นว่าประชากรทั้งประเทศเพิ่มขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ประชากรจะมีที่ดินทำกินเป็นของตนเองได้ เราจึงเห็นความเป็นความสำคัญและยืนยันที่จะทำในเรื่องนี้
และนายกัณวีร์กล่าวว่า พรรคเป็นธรรมขอยืนยันว่าคณะทำงานทุกคณะภายใต้คณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เป็นคณะทำงานที่ต้องทำงานในเริ่องที่เร่งรัดจริงๆของประชาชน แม้วันนี้จะมีแค่ 12 คณะทำงาน แต่อย่างไรก็ตามเราเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางจริงๆ และเราเน้นในเรื่องของการบริหารจัดการปัญหาชายแดนภาคใต้ที่มีหลายมิติ และขอยืนยันอีกครั้งว่าเราเอาเรื่องที่มีผลกระทบจริงๆ กับพี่น้องประชาชนมาเป็นตัวตั้ง เราจึงตั้งคณะทำงานขึ้นมา
สุดท้ายนายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า เราเห็นด้วยกับที่ประชุมโดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาใหญ่ และต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
ทั้งนี้ นายพิธายังได้เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 20 มิ.ย. จะมีการประชุมคณะทำงานอีกครั้ง และจะมีคณะทำงานสัญจรต่อไปอีกด้วย