“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเหนิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...

แนวคิดรัฐบาลแห่งชาติ (หน้า) กลับมาอีกครั้ง ในห้วงที่รัฐบาลพิธา ยัง “ลูกผีลูกคน” มีทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในที่เป็นปัจจัยเสี่ยง  ไม่ว่าจะเป็นกระแสข่าวว่ากกต.อาจแจก “ใบแดง” สอย ส.ส.ถึง 20 คน ที่อาจกระทบต่อคะแนนเสียงในการโหวตเลือกนายกฯ  ...*...

หาก 20 ส.ส.ที่หายไปอยู่ในขั้วรัฐบาลเดิม ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ แต่หาก 20 คนที่หายไป ถูกปลิดออกไปจากพรรคก้าวไกล หรือเพื่อไทย ก็จะมีผลต่อ “เกมตั้งรัฐบาล”  แม้จะยังคงเป็นเสียงข้างมาก แต่โอกาสที่จะเป็นไปได้ก็คือ ถ้าสอยออกจากเพื่อไทย แล้วมาเติมให้ก้าวไกล ก็จะทำให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจต่อรองที่สูงขึ้น ...*...

กลับกันหากสอยก้าวไกลออกไป ไม่ว่าจะไปเติมให้พรรคไหน อำนาจของก้าวไกลก็จะลดลง เป็นสมการแปรผัน ที่ส่งผลต่อการเจรจาเรื่องตำแหน่งต่างๆ โดยเฉพาะเก้าอี้ประธานสภาฯ ...*...

ที่สำคัญ 20 ส.ส.ที่จะถูกสอย ไม่ว่าจะจากพรรคใด ถ้าเป็น ส.ส.ที่อยู่ใน 8 พรรค ก็จะกลายเป็น “กระดานหก” หนุนให้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. 64 เสียง ก็จะต้องหาเพิ่มเป็น 84 เสียง ...*...

จึงได้เห็น ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยอมรับในบางช่วงของตอนของการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า หาก ส.ส.ในขั้วพรรคการเมืองฟอร์มรัฐบาลถูกสอย จะทำให้ยากขึ้นโดยเฉพาะการไปคุยกับ ส.ว. เพราะเลี่ยงไม่ได้ ว่า การเลือกนายกฯ ต้องใช้เสียง ส.ว. มากขึ้น เป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามระบบ ...*...

ส่วนถ้าปัจจัยนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง จำเป็นที่จะต้องอาศัยเสียง ส.ส. จากพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่  “ชัยธวัช” บอกว่า “เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่เราจะออกจากความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา หาก ส.ส. จากพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลยินดีที่จะโหวตให้กับนายพิธา เพื่อทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน เพื่อรักษาระบบและเจตจำนงค์ของประชาชนไว้ แต่ทางพรรคก้าวไกลเอง คงไม่เหมาะสมที่จะไปแสดงความคิดเห็น เป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค หรือของ ส.ส. แต่ละบุคคล”...*...

ฟาก ส.ว.วันชัย สอนศิริ อ้างความเห็นของพระอาจารย์โชคดี เจ้าอาวาสวัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน ดูอิทธิพลดวงดาวแล้วเห็นว่า “นับแต่นี้เป็นต้นไปประเทศจะตกอยู่ในสภาวะแห่งกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ ความไม่แน่นอน ความวุ่นวาย ไม่มีใครยอมใคร เหมือนยืนอยู่ปากเหวพร้อมที่จะมีเรื่องได้ตลอดเวลา ปัญหาพร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ ที่ว่าจะได้ กลับไม่ได้ ที่ได้แล้ว ก็ได้ไม่นาน สถานการณ์ตอนนี้ไม่เที่ยงแท้แน่นอนจริงๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางเรื่องก็ซ้ำซ้อนกันขึ้นมากว่าเรื่องที่เป็นอยู่ จะผีซ้ำด้ำพลอยหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ” ...*...

อย่างไรก็ตาม ศรพระราม มองว่า การเมืองเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว กลยุทธ์เดิมๆ ใช้ไม่ได้ในการเมืองวิถีใหม่ หาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล “ผ่อนสั้นผ่อนยาว” ให้ดี เน้น “แก้ไข” ไม่ “แก้แค้น” ก็อาจจะได้เสียงสวรรค์อุ้มไม่ให้ตกสวรรค์ ...*...

ที่มา:ศรพระราม (06/06/66)