วันที่ 1 มิ.ย.2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุปัญหาคุณสมบัติการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจทำให้เกิดปัญหาการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศว่า มีความเป็นไปได้ เพราะนายพิธารู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.แต่ไปเซ็นรับรองผู้สมัครส.ส.พรรคก้าวไกลในฐานะหัวหน้าพรรค ทั้งที่ตัวเองไม่มีคุณสมบัติ

"ผมมองว่า หากจะเป็นโมฆะควรเป็นเฉพาะเขตที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ควรโมฆะทั้งหมด แต่บางฝ่ายเห็นว่า ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ เพราะคะแนนที่พรรคก้าวไกลได้ไป ทำให้คะแนนเสียงของคนอื่นๆผิดเพี้ยนไม่ตรงกับความจริง คะแนนจึงไม่ควรเสียเฉพาะพรรคก้าวไกล แต่เสียทั้งระบบ  เพราะหากนายพิธาไม่เซ็นรับรองผู้สมัครส.ส. พรรคก้าวไกล ประชาชนอาจไปพิจารณาเลือกพรรคอื่น ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นอย่างไร และมีคำวินิจฉัยเช่นใดออกมา ถ้าเลือกตั้งเฉพาะเขตที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งก็เสียหายน้อยหน่อย แต่ถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ คงเสียหายเยอะ แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับจะเสียหายมากน้อยอย่างไร"นายเสรี กล่าว 

นายเสรีกล่าวว่า ส่วนกรณีนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว.เตรียมจะเสนอแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยการตั้งรัฐบาลแห่งชาติต่อกมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภานั้น ในวันที่ 6มิ.ย. กมธ.การเมืองฯจะพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพื่อหาข้อสรุป ยังไม่รู้ออกมาอย่างไร โดยจะส่งความเห็นของกมธ.ไปให้พรรคการเมืองต่างๆรับทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า การตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นไปได้ยาก เพราะหลายฝ่ายปฏิเสธการทำงานร่วมกัน และมีแนวทางทำงานไม่ตรงกัน แนวโน้มจึงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เอาแต่แย่งอำนาจกัน ฝั่งหนึ่งจะแก้มาตรา112 อีกฝั่งก็ไม่ให้แก้มาตรา112  ฝั่งหนึ่งจะเอาพ่อกลับบ้าน จะมาจูนการทำงานร่วมกันได้อย่างไร ตั้งไปก็ไม่มีใครฟังใคร แล้วจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าจะเอาคนนอกมาเป็น เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ามาเป็น เพราะมีแต่เปลืองตัว ที่สำคัญขณะนี้ความขัดแย้งยังไม่ถึงจุดสุกงอม ยังมีทางเดินต่อไปได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย น่าห่วงว่า หากมีรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมาจริงๆ ถ้ามีอำนาจมาก อาจเกิดการลุแก่อำนาจ เพราะทุกพรรคเป็นรัฐบาลหมด ไม่มีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบ