วันที่ 30 พ.ค. 66 ที่ทำการพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อประชุมพูดคุยแนวทาง และแผนงานการทำงานร่วมกัน หลังการลงนาม mou ซึ่งจะมีแนวทางในการลงรายละเอียดของ mou อย่างไรให้เป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดตั้งทีมเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่าจะมีใครเป็นผู้รับผิดชอบ ว่า จะคุยการเปลี่ยนผ่านไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะประชาชนกว่า 72% เลือกให้ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ เราต้องเตรียมเรื่องนโยบายความคืบหน้าในวงประชุม และเป็นการให้เกียรติพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่จะมีวาระในเชิงลึก รวมทั้งรายละเอียดแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพราะวาระ 23 ข้อเป็นหัวข้อสำคัญที่พรรคการเมืองได้หาเสียงไว้ รวมทั้งนโยบายต่างๆ ส่วนเรื่องอื่นอยู่ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะนำเสนอเพราะเป็นประธานในที่ประชุม
ส่วนปัญหาที่ต้องแก้เร่งด่วน คือ ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน การเอารัดเอาเปรียบ และปัญหาภาคใต้ พรรคประชาชาติจะต้องแก้ปัญหาให้ได้ เพราะการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ผ่านมา มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุด จากลัทธิรวมศูนย์ ให้ข้าราชการเป็นใหญ่ การศึกษาเน้นชาตินิยม และการทุจริตคอรัปชั่นสัมปทานผูกขาดทางภาคพลังงานปัญหายาเสพติด
สำหรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระพิเศษในการพูดหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย (พท.) กำลังคุยกัน ยังคงมีเวลา ประธานสภาฯ เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องเป็นกลางในการปฏิบัติเรามั่นใจว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยคุยกันได้ ส่วนจะคุยในวงประชุมหรือไม่ต้องถามหัวหน้าพรรคก้าวไกล
“พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย มีบุคลากรที่มีความสามารถ หลักเกณฑ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีอยู่สามหลักเกณฑ์ คือ ความรู้ ความสามารถ ความประพฤติ จริยธรรม ไม่เกี่ยวกับอายุมากหรือน้อย”
เมื่อถามว่า หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถตกลงตำแหน่งประธานสภาฯได้ ทำให้รัฐบาลปัจจุบันจะต้องอยู่ต่อหรือเกิดรัฐบาลส้มหล่น จะทำอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลต้องรับใช้ประชาชน และประชาชนกว่า 72% เลือก 8 พรรคการเมืองให้มาเป็นรัฐบาลส่วนตัวมองว่าพรรคส้มจะเป็นนายกฯ