สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ  ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

 แม้ 8 พรรคการเมืองจะร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย ทว่า เส้นทางสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังเต็มไปด้วยสารพันปัญหา …*…

ในทางกฎหมายแล้ว มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่กรณี “หุ้นไอทีวี”จะทำให้นายพิธาเดินย่ำรอยสะดุดหินก้อนเดียวกันกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ …*…

 แต่ที่น่าหวั่นเกรงกว่า นั่นคือหากนายพิธาถูกตัดสิทธิ์ เพราะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติจากการถือครองหุ้นสื่อ จะกระทบไปถึงส.ส.พรรรคก้าวไกลที่นายพิธาเป็นผู้ลงนามรับรองในการสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ...*...

 ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลมุ่งมั่นมาตลอดนั้น มาถึงวันนี้ดูเหมือนจะขยับได้ยาก เพราะต่อให้นายพิธารอดพ้นประเด็นถือหุ้นสื่อ และฝ่าด่านส.ว.สำเร็จ ก็ไม่มีพรรคการเมืองไหนเอาด้วย …*…

 เห็นได้จากในร่างบันทึกข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองไม่มีวาระเรื่องแก้ไขมาตรา 112 อยู่ด้วย สะท้อนให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเองก็สำเหนียกดีถึงท่าทีของอีก7 พรรคร่วมที่มองว่าร่างกฎหมายแก้มาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลเคยพยายามเสนอเข้าสภาฯนั้น โดยสาระหลักแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการยกเลิกมาตรา 112 …*…

 “กฎหมายเรามีสองระบบ คือระบบคุ้มครองคนธรรมดา กับระบบคุ้มครองสถาบัน เช่นถ้าดูหมิ่นคนธรรมดาก็โทษเบาแค่ลหุโทษ แต่ถ้าดูหมิ่นในหลวง ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาล ก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่ถือเป็นความผิดต่อแผ่นดินข้อห้ามเคร่งครัดขึ้น หรือโทษหนักขึ้น เหตุเพราะมุ่งคุ้มครองสถาบัน ทั้งสถาบันประมุข สถาบันการปกครอง และสถาบันทางกฎหมาย กฎหมายใหม่ของก้าวไกล คือเลิกไม่คุ้มครองในหลวงด้วยระบบคุ้มครองสถาบันอีกต่อไป ให้ถือเป็นคนธรรมดาที่เผอิญเกิดมาเป็นในหลวงเท่านั้น  เมื่อเลิกคุ้มครองแบบสถาบัน  การคุ้มครองแบบคนธรรมดาก็เข้ามาแทน” บางช่วงบางตอนจากบทความพิเศษของอาจารย์แก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ที่ได้อธิบายถึงความนัยซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้การแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล …*…

พร้อมกันนี้อาจารย์แก้วสรรยังย้ำด้วยว่าสถาบันกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็น “สติของประเทศ” ที่อยู่เหนือฝักฝ่าย การเมืองมาแล้วก็ไป ในหลวงไม่ไปไหน เราจึงให้พระราชอำนาจที่จะทรงยับยั้งร่างกฎหมายได้ เรียกรัฐบาลมาสอบถามหรือให้คำแนะนำได้ ราชการสำคัญที่ริเริ่มก็ต้องกราบทูลรายงานให้ทรงทราบด้วย บ้านเมืองแตกแยกจะฆ่าแกงกัน ก็ทรงเรียกมาพูดคุยหยุดจลาจลได้   พระราชอำนาจทั้งหมดนี้ จะคุ้มแผ่นดินได้จริง ก็ต้องคุ้มครอง “บารมี” ของในหลวงด้วย จะให้วิพากษ์กันจนเละไม่ได้ เหตุผลนี้นี่เอง ที่ 112 ต้องเป็นความผิดต่อแผ่นดิน   ใครที่ไม่ยอมรับองค์คุณเช่นนี้ของสถาบัน  เขาก็ย่อมเห็นว่า 112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นธรรมดา  จึงต้องแก้กฎหมายให้ทรงเป็นคนธรรมดาที่วิพากษ์ได้ …*…

ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าใจของผู้อยู่เบื้องหลังพรรคก้าวไกลจะตรงกับปากของนายพิธาไหม หลังนายพิธาได้กล่าวในระหว่างแถลงการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล 2566 ที่ว่า “วันนี้เป็นวันที่สำคัญกับประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นวันครบรอบการรัฐประหาร ในปี 2557 และเป็นวันที่เราเซ็นข้อตกลงร่วมกัน ถือเป็นหมุดหมายที่ดี โดยเนื้อหาในบันทึกความเข้าใจร่วมนี้ ทำเพื่อสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และการทำงานร่วมกันระหว่างพรรค ทุกพรรคเห็นร่วมกันว่า ภารกิจของรัฐบาลทุกพรรคที่จะผลักดันร่วมกันนั้น ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์” …*…

ที่มา:เจ้าพระยา (25/5/66)