วันที่ 22 พ.ค. 66 ที่โรงแรมคอนราด พรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, พรรคเสรีรวมไทย (สร.) นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรค, พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค, พรรคประชาชาติ (ปช.) นำโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค, พรรคเป็นธรรม นำโดย นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรค, นายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรค, นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง และนายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติหัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ ตอบคำถามกับสื่อมวลชนภายหลังจากงานแถลงการลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยนายพิธา ระบุว่า การแก้ไขม. 112 พรรคก้าวไกลยังยืนยันที่จะทำ โดยปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะ ทุกสำนักข่าวพูดถึงเรื่องนี้อย่างมีวุฒิภาวะ การอำนวยความยุติธรรมให้ผู้เห็นต่าง หรือการนิรโทษกรรม เรามีความพยายามที่จะพูดคุยกัน แต่ตัดสินใจให้เป็นวาระเฉพาะของพรรค
“ความรับผิดชอบร่วมกันของแต่ละพรรค ยังมีวาระร่วมที่แต่ละพรรคต้องนำเสนอ ซึ่งมีโอกาสผลักดันนโยาบยเพิ่มเติมผ่านฝ่ายบริหารและผ่านอำนาจราษฏร และยืนยันว่าจะต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์ตามข้อตกลง”
ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงนามในข้อตกลงระบุว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ไม่ได้ระบุว่าจะทำอย่างไร นายพิธา ระบุว่า MOU นี้เป็นกรอบในการทำงานของแต่ละพรรคที่จะทำงานร่วมกัน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้โปร่งใสในตอนนี้ และจะไปต่อในอนาคต
นายพิธา ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความสัมพันธ์ได้พรรคร่วมรัฐบาล ว่า ตนเองในฐานะเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล ทำงานร่วมกันมา 4 ปี และเริ่มทำงานด้วยกันมา 1 สัปดาห์ มีความหนักแน่น ไม่ว่าจะมีข่าวหรืออะไรที่ทำให้สั่นคลอน พวกเรายังทำงานกันด้วยความเคารพและให้เกียรติกัน
ซึ่งนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามกรณีมีกระแสว่าพรรคพลังประชารัฐจะยุบและรวมกับพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยรับรู้ ยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ พร้อมยืนยันเป็นครั้งที่ 501 ว่ายังยึดมั่นในเจตนารมย์ที่ประกาศไว้ว่า จะสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และทำให้พรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาล
ส่วนเรื่องกระแสการดีลลับที่ฮ่องกงจะสร้างความระแวงให้พรรคร่วมหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า เรื่องดีลลับเล่าสามารถลือได้ แต่ยืนยันตรงนี้ว่าเพื่อไทยยังยึดมั่นในเจตนารมณ์ของประชาชน และสนับสนุนก้าวไกล
เมื่อถามต่อถึงการโหวตเลือกตั้ง นายกฯ ของ ส.ว. ที่เสียงอาจไม่ถึง ได้มีการติดต่อหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า พรรคก้าวไกลได้รับความช่วยเหลือจากแกนนำหลายพรรคในการส่งข้อมูลให้ แต่เราต้องเป็นตัวแทนในการพูดคุยเอง และข่าวที่ว่านายพิธา จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปพร้อมกับตำแหน่งนายกฯ นั้น ต้องดูความสามารถของคนในแต่ละหน่วยงาน ซึ่งตามหลักต้องหาคนที่เหมาะสมกับงานมาทำตามตำแหน่งอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงประเด็นการเสนอชื่อบุคคลเป็นประธานรัฐสภาคือใคร และนายพิธาจะนั่งนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม จริงหรือไม่ จะเกิดแรงเสียดทานหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เร็วเกินไป แต่ส่วนหนึ่งในการเจรจา เรื่องตำแหน่งต่าง ๆ ควรจะตามวาระ ตาม MOU ตามเรื่องนโยบาย เอาประชาน เอานโยบายเป็นตัวตั้ง รับผิดชอบแต่ละหน่วยงานเอาคนเหมาะสมกับงานมาทำ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุดว่าจะเป็นไปได้
เมื่อถามถึงกรณีการไม่บรรจุประเด็นการอำนวยความยุติธรรม หรือนิรโทษกรรมใน MOU ไว้ แสดงว่าจะผลักดันเป็นวาระเฉพาะใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การนิรโทษกรรมมีความพยายามที่จะพูดคุยกัน อย่างไรก็ดีเราตัดสินใจว่าจะเป็นวาระเฉพาะแต่ละพรรค โดยก้าวไกลยืนยันจะดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ เป็นวาระเฉพาะของก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าโซเชียลมีเดีย มีผลต่อเสถียรภาพการทำงานของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า พรรคไม่ได้อยู่แค่ในโซเชียล แต่ก็ต้องคำนึงถึงประชาชน จึงเลือกฟังทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์
ทั้งนี้ นายพิธา ยังยืนยันถึงกรณี การร้องเรียนเรื่องถือหุ้นว่า ไม่ต้องมีความกังวลใจอะไร คำร้องจาก กกต. ยังไม่มีตนเองอธิบายไปหลายครั้งแล้ว มีหลักฐานและหลักกฎหมายชี้แจงไว้แล้ว อยากให้สังคมเข้าใจ