วันที่ 15 พ.ค. 66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวขอบคุณคะแนนเสียง และท่าทีในการจัดตั้งรัฐบาล

โดย นพ.ชลน่าน แถลงว่า ผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ปรากฎแล้วว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับสอง พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง และร่วมสนับสนุนเลือกพรรคเพื่อไทย และฝ่ายประชาธิปไตยอย่างท่วมท้น อันแสดงถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตย ในโอกาสนี้ พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดี กับพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับหนึ่ง 

โดยกติกาประชาธิปไตย และโดยสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยได้เคยแถลงต่อพี่น้องประชาชนไว้ พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดี และยอมรับที่พรรคก้าวไกลเสนอตัวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลจะเชิญพรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แถลงไว้ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า ไม่มีแนวความคิดที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล

พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ในการจัดตั้งรัฐบาล ประเด็นในการหารือ และกระบวนการต่างๆ ให้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายดำเนินการ ระยะเวลาในการจัดตั้งรัฐบาล หน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้ เป็นของพรรคแกนนำในการดำเนินการ เรายินดี และพร้อมจะสนับสนุน อยู่ที่พรรคก้าวไกลจะเริ่มอย่างไร ส่วนในรายละเอียดเป็นเรื่องของกรรมการบริหารที่จะต้องพูดคุย

เมื่อถามว่า 6 พรรครวมกันได้ 309 เสียง จะสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 309 เสียง สามารถเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้แน่นอน แต่การโหวตนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ใช้เสียง 376 เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะนำพรรคภูมิใจไทยมาร่วมนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะไม่ก้าวล่วง กระบวนการเพิ่งเริ่ม ยังไม่กำหนดเวลา ว่าจะสรุปจบเมื่อใด พรรคแกนนำจะเป็นผู้กำหนดประเด็น ยังไม่เห็น MOU ของพรรคก้าวไกล เพราะยังไม่ได้หารือ เป็นหน้าที่พรรคแกนนำในการรวบรวมเสียงโหวตนายกฯ เรามีหน้าที่สนับสนุน

ถ้าการจัดตั้งรัฐบาลทุกอย่างเป็นไปยังราบรื่นก็เป็นประโยชน์ของประชาชนที่ออกเสียงมา ส่วนเงื่อนไขที่ไม่สามารถรวมกันได้นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องคุยรายละเอียดของพรรคก้าวไกล ในฐานะเป็นผู้เสนอประเด็นมา

ด้าน น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่า เมื่อครู่ได้ฟังแถลงของนายพิธาเช่นกัน โดยได้คุยโทรศัพท์กันเมื่อเช้านี้ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวที่พรรคก้าวไกล เป็นการโทรมาแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดใดๆ และตนก็สนับสนุนเรื่องที่พรรคก้าวไกลได้รับเสียงข้างมากจากประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล 

"เราเคยทำงานในพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน การพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ ของพรรคก้าวไกลถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนการพูดคุยในรายละเอียด นโยบายและเงื่อนไขต่างๆ ต้องรอให้มีกรรมการบริหารพรรคก่อน"

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมจะโหวตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า แน่นอน เพราะทางพรรคก้าวไกล ได้รับเสียงจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 เราต้องเคารพเสียงของประชาชน

สำหรับเงื่อนไขของมาตรา 112 นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่มั่นคง ที่จะไม่สนับสนุนการยกเลิกมาตรา 112 แต่สนับสนุนให้เกิดการพูดคุยหารือในสภา ส่วนกฎหมายต่างๆ ที่ทำให้เยาวชนติดคุก พร้อมนำมาพูดคุยรับฟัง และต้องเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่พูดคุยกับทางพรรคก้าวไกลด้วยว่า พรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุนการยกเลิก เรื่องอื่นๆ ยังไม่ได้คุยกัน มีเพียงตนเท่านั้น ที่ได้คุยกับนายพิธาทางโทรศัพท์เมื่อช่วงเช้า โดยยังไม่ใช่การพูดคุยในรายละเอียด ส่วนข้อเสนอที่จะนำไปยื่นให้กับทางก้าวไกลมีอยู่ในใจแล้ว 

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า การโทรศัพท์ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 3-4 นาที โดยนายพิธา เป็นฝ่ายโทรมา ตนแสดงความยินดีด้วยก่อน แล้วนายพิธาก็บอกว่ายินดีด้วย และชมว่าอุ้มท้องหาเสียง เข้าใจความรู้สึก เพราะเป็นคุณพ่อเหมือนกัน

เมื่อถามถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร กล่าว การจะกลับมาประเทศไทยของนายทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงเป็นไปตามกำหนดเวลาเดิม ที่นายทักษิณได้เคยระบุไว้ คือภายในเดือน ก.ค.

น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งก็เหมือนกีฬา มีผู้แพ้และผู้ชนะ อันดับ 2 ต้องมีความผิดหวังอยู่บ้าง เพราะเราคิดว่าเราจะเป็นอันดับ 1 แต่เราก็ยอมรับ เพราะมันคือน้ำใจนักกีฬา อันดับ 1 เราแสดงความยินดีด้วย และเราก็เชียร์เพื่อประชาธิปไตยเพื่อประเทศชาติที่จะสามารถไปต่อได้ จากนั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของการเมือง ทุกคนต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

เมื่อถามว่า ต้องประเมินหรือไม่ ว่าจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทยที่ทำให้พ่ายแพ้ครั้งนี้คืออะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่านโยบายของเราค่อนข้างตอบโจทย์ประเทศชาติ แต่เข้าใจว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลก็มีจุดแข็งของเขา อย่างไรก็ต้องขอบคุณประชาชนที่เลือกเราในพื้นที่ และแสดงความยินดีกับส.ส.ที่ได้เข้าสภา ส่วนคนที่ไม่ได้ ก็ต้องแสดงความยินดี เพราะได้ลงพื้นที่อย่างหนัก

"เราไม่ได้คิดว่าจะชนะครั้งต่อไปอย่างไร เอาชนะครั้งนี้นี่แหละ จะทำให้ประเทศก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไรมากกว่า" น.ส.แพทองธาร กล่าว

ขณะที่ นายเศรษฐา ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นภาษาอังกฤษ โดยเน้นย้ำว่า รายละเอียดของการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ยังไม่ได้เริ่มการพูดคุยหารือใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้รอจนถึงการประชุมนัดแรก ถึงจะสามารถให้คำตอบที่ดีกว่านี้ได้

นายเศรษฐา ยังตอบคำถามด้วยว่า หนึ่งในประเด็นที่อาจจะเป็นเงื่อนไขให้ไม่สามารถร่วมมือกันได้ ยกตัวอย่างเช่นการยกเลิกมาตรา 112 เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของการมีกฎหมายดังกล่าว

"วันนี้เป็นวันที่เราควรเฉลิมฉลอง ให้กับเสียงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย และแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ได้รับชัยชนะ รวมถึงนายพิธาที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และรัฐบาลที่เราจะจับมือร่วมกัน ประชาชนบอกเราว่า เชื่อมั่นในประชาธิปไตย และต้องการความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่" นายเศรษฐา กล่าว