บรรดาสำนักข่าวต่างประเทศ อาทิ เอเอฟพี เอพี รอยเตอร์ส บีบีซี ซีเอ็นเอ็น ซีเอ็นบีซี อัลจาซีรา เดอะการ์เดียน และเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ ต่างพากันรายงานสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้งของไทยที่มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงมีมากกว่า 52 ล้านคน โดยมีผู้ออกไปใช้สิทธิฯ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนมากถึง 39.5 ล้านคน หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 75 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มีคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการนำหน้าเหนือกลุ่มพรรครัฐบาลอย่างท่วมท้น หลังการนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 99 โดยพรรคก้าวไกล นำมาเป็นอันดับที่ 1 ที่จำนวน ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ 151 ที่นั่ง ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย ที่จำนวน ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ 141 ที่นั่ง
รายงานข่าวเผยว่า ผลเลือกตั้งที่ปรากฏออกมา ถือเป็นบททดสอบสำคัญระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายค้านกับกองทัพ
ทั้งนี้ จากการที่พรรคก้าวไกล มีคะแนนขึ้นนำมาเป็นที่หนึ่ง ด้วยจำนวน ส.ส.ที่ได้มา ถือเป็นผลงานที่เกินความคาดหมาย นับเป็นการแสดงออกถึงเสียงสนับสนุนของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในการเมืองไทย รวมถึงการท้าทายต่อกลุ่มอำนาจเก่า หรือกลุ่มอนุรักษ์นิยม
ทางด้าน บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า ผลเลือกตั้งที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงกระแสนิยมของพรรคก้าวไกล ที่ยกระดับการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มข้นไปอีกขั้น ด้วยการปฏิรูปฐานอำนาจเก่า หรือกลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งถือเป็นสมรภูมิใหม่ของการเมืองไทย จนอาจกล่าวได้ว่า การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น เป็นพันธสัญญาของพรรคก้าวไกลกับอนาคตของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์แสดงทรรศนะไว้ด้วยว่า แม้ผลเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีของประชาธิปไตยในไทย แต่สถานการณ์ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังต้องมีการเจรจากันอีกระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายค้านด้วยกัน และพรรคการเมืองอื่นๆ ตลอดจนวุฒิสมาชิก 250 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลชุดที่แล้ว