บมจ.โปรไลฟ์ พลัส หรือ PLP ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจสื่อโฆษณา เตรียมเข้าจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ขายไอพีโอ 110 ล้านหุ้น หวังนำเงินขยายขีดความสามารถในธุรกิจ ลุยขยายฐานลูกค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาส มุ่งเป้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตสื่อโฆษณาแบบครบวงจร ทั้งด้านธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา ธุรกิจขาย รับสร้างและให้บริการเช่าสื่อโฆษณา และธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณาออนไลน์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางเบญญาดา รุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรไลฟ์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLP ผู้เชี่ยวชาญการให้บริการงานด้านโฆษณาแบบครบวงจร (One Stop Service Solution) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้ายกระดับองค์กร สู่มาตรฐานสากล เพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า จึงเดินหน้าเข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจผลิตสื่อโฆษณามากว่า 10 ปี โดยฐานลูกค้าส่วนใหญ่คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีวิสัยทัศน์ในการเป็น “ผู้นำธุรกิจผลิตสื่อโฆษณาครบวงจร” มุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกๆ ด้าน เสริมสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าให้ถึงขีดสุด
โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีทุนจดทะเบียนจำนวน 195 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 390 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดย ณ วันที่ 21 เมษายน 2566 บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 140 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท กลุ่มครอบครัววณิชสกุลชัย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมด และหลังการเสนอขาย IPO คงเหลือสัดส่วนร้อยละ 71.80 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ เพื่อใช้สำหรับ 1) ลงทุนฐานการผลิตและพัฒนาสินค้าสื่อโฆษณาออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพและทันสมัย 2) เพิ่มจุดติดตั้งป้ายดิจิทัล LED และเพิ่มจุดติดตั้งป้าย (Static) โฆษณาตำแหน่งที่มีศักยภาพ 3) พัฒนาและต่อยอด Software และ Platform Online และ 4) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ
นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท โปรไลฟ์ พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLP เปิดเผยว่า ขณะนี้ PLP ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯ เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเสนอขายหุ้นของ PLP จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 28.20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โดยจุดเด่นของ PLP คือ การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตสื่อโฆษณาครบวงจร โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกๆด้าน เสริมสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าให้ถึงขีดสุด และมอบการให้บริการอย่างเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ สร้างสรรค์ผลงานให้โดดเด่น แต่งแต้มสีสันให้มีชีวิตชีวา โดยมอบประสบการณ์และการให้บริการเกินความคาดหมายของลูกค้า
ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทฯ มี 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา เป็นการให้บริการผลิตสื่อโฆษณาครบทุกประเภท ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ ผลิตชิ้นงาน จนถึงส่งมอบบริการ ทั้งสื่อโฆษณากลางแจ้ง (Outdoor) และสื่อโฆษณาในร่ม (Indoor) และงานอีเว้นท์ โดยเน้นการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ปัจจุบัน สื่อโฆษณาที่บริษัทฯ ให้บริการในธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา แบ่งตามประเภทการผลิตและบริการ ได้ดังนี้ 1) ไวนิลแบนเนอร์ (Vinyl Banner) 2) ป้ายโฆษณาชั่วคราว (Directional Signage) 3) การให้บริการโฆษณาประเภทงานอีเว้นท์ (Event) และ 4) ป้ายอื่นๆ (Accessories Media)
2.ธุรกิจขาย รับสร้าง และให้บริการเช่าสื่อโฆษณา เป็นการให้บริการรับสร้างและให้เช่าโครงป้าย/พื้นที่สำหรับติดตั้งป้ายโฆษณากลางแจ้ง (Outdoor) ซึ่งเป็นการให้บริการต่อเนื่องจากธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา รวมทั้งยังมีการให้บริการสื่อโฆษณาดิจิทัล (Digital Development) โดยเป็นสื่อโฆษณาที่สร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปรับเปลี่ยน Content การโฆษณาและช่วงเวลาในการนำเสนอได้ตามที่ลูกค้าต้องการ
3.ธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณาออนไลน์ เป็นการให้บริการด้วยการสร้างสรรค์ Content ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผ่านแฟนเพจ (Fanpage) ของบริษัท ซึ่งมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนในการนำเสนอบนแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Facebook, IG และ TikTok รวมถึงผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยปัจจุบันมี 4 เพจ ได้แก่ 1) inside2home 2) นักสืบอสังหา 3) ชีวิตติดรถไฟฟ้า และ 4) Beauty Living
นอกจากนี้ ยังให้บริการ Online Media Agency ซึ่งเป็นการให้บริการกลยุทธ์ต่างๆ ด้าน Digital Marketing ทั้งการให้คำปรึกษา การวางแผนการตลาดออนไลน์ และกลยุทธ์ในการซื้อสื่อโฆษณาออนไลน์ ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด รวมทั้ง ยังมีบริการผลิต ออกแบบภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวตามโจทย์ที่ได้รับจากลูกค้า ด้านผลการดำเนินงานในปี 2563 - 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 360.94 ล้านบาท, 343.04 ล้านบาท และ 434.83 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้หลักในแต่ละปีมาจาก 1) รายได้จากการผลิตสื่อโฆษณาร้อยละ 61.74, 62.04 และ 64.37 ตามลำดับ 2) รายได้จากการขาย รับสร้าง และให้บริการเช่าสื่อโฆษณาร้อยละ 35.10, 34.19 และ 31.55 ตามลำดับ และ 3) รายได้จากการให้บริการสื่อโฆษณาออนไลน์ร้อยละ 2.98, 3.53 และ 3.99 ตามลำดับ
ขณะที่ในปี 2565 มีกำไรสุทธิจำนวน 88.40 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 33.13 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 20.33 นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามงบการเงินเฉพาะกิจการ และภายหลังการหักเงินสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้