Pi Daily ทรัมป์เลื่อนเก็บภาษี Mexico-Canada หุ้นไทย Panic Sell มากไป Valuation ไม่แพง แนะสะสมเช่นเดิม

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 บล.พาย เผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบเล็กน้อย 122 จุด (-0.28%) ดัชนีทยอยฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากทรัมป์ประกาศเลื่อนการเก็บภาษี Mexico ออกไป 1 เดือน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.38% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากปัจจัยด้านภาษี

เมื่อช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทยราว 6.00 น. สหรัฐฯได้ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีจากแคนาดาออกไปเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยรัฐมนตรีจากแคนาดาระบุว่าตนได้พูดคุยกับ Trump และเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี โดยยิบยกประเด็นที่แคนาดาจะจัดการไม่ให้มีการลักลอบนำสารเสพติดเฟนทานิลข้ามพรมแดนนเข้าสู่สหรัฐฯ ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เลื่่อนการขึ้นภาษี Mexico ออกไป 1 เดือนเพราะประธานาธิบดีเม็กซิโกยินยอมที่จะส่งกำลังทหารจำนวน 1 หมื่นนายไปประจำการตามแนวชายแดนตอนเหนือของสหรัฐฯเพื่อป้องกันการลักลอบยาเสพติดจาก Mexico สู่สหรัฐฯ เท่ากับว่าทั้งภาษีนำเข้าจากแคนาดาและ Mexico ได้เลื่อนการเก็บออกไป 1 เดือน

ด้านเงินบาทเช้านี้กลับมาแข็งค่าทดสอบระดับ 33.84 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯจากก่อนหน้าที่ 34.14 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นพลิกมาบวก 1.6% และ Dow Jones future แกว่งบวกราว 0.3% ในระยะสั้นปัจจัยสงครามการค้ามีแนวโน้มคลี่คลายอย่างไรก็ตามจากนี้ยังคงต้องรอติดตามความคืบหน้าและท่าทีของทรัมป์ โดยเฉพาะจีนหากมีการเจรจาที่มากขึ้นก็เชื่อว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวก

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1270 ก่อนจะฟื้นตัวมาปิดที่ 1304 (-10 จุด หรือ -0.77%) ประเมินนักลงทุน Panic มากเกินไป ทั้งๆที่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานแล้วการเก็บภาษีนำเข้าจาก Mexico , Canada ยังมองไม่เห็นผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อประเทศไทยหรือตลาดหุ้น ขณะที่ในเชิง Valuation แล้ว (PBV) ลงมาซื้อขายที่ 1.28x นับเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงเกิด COVID-19 ที่แพร่ระบาดจนกระทั่งเกิดการ Lock Down หรือหากเป็นในเชิงสถิติแล้วอยู่ในช่วง -2SD ด้าน Forward PE ลงมาซื้อขายที่ 13.6x และปี 26 ที่ 12.5x ค่อนข้างถูกเพราะค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15.5x หรือในเชิง Earnings Yield Gap ก็กลับมาอยู่ในช่วง +1SD จึงควรเน้นกลยุทธ์สะสมมากกว่าจะขายตลาดหุ้นไทยบริเวณนี้

คืนนี้รอติดตามตัวเลขตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 8 ล้านตำแหน่ง วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1320 เชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะสะสมจาก Valuation ไม่แพงแต่เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK) ส่งออก (ITC TU) โรงพยาบาล (BDMS) 

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
มองว่ากำไรสุทธิปี 2024-25 จะเติบโตอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+10%) และ 1.7 หมื่นล้านบาท (+7% YoY) ตามลำดับ หนุนจาก 1) การเติบโตของโรงพยาบาลต่างจังหวัด 2) การเปิดโรงพยาบาล และขยายจำนวนเตียงกว่า 410 เตียง และ 3) สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่มียอดค่าใช้จ่ายต่อบิลสูงที่มากขึ้น รับอานิสงส์จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท)
4Q24 เรายังมีมุมมองเดิมที่คาดว่ารายได้จะกลับมาเติบโตจาก 3Q24 เพราะเป็นช่วง High Seasons ของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงยอดการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่จะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งหลังมี Backlog รอโอนกว่า 5,700 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 1,100 ล้านบาทจะรับรู้เข้ามาได้ในช่วง 4Q24 นี้

#PiDaily #ทรัมป์ #เลื่อนเก็บภาษี #หุ้นไทย #บลพาย #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์