ผู้การตำรวจบุรีรัมย์ แถลงยืนยัน ตร.ไม่ได้บังคับให้คนขับรถแห่ พปชร.รับสารภาพกุเรื่องชายฉกรรจ์ใช้ปืนจ่อหัวขู่ห้ามหาเสียงตามที่กล่าวอ้าง ชี้ตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน ตรวจสอบแล้วไม่พบวงจรปิด 2 ชายฉกรรจ์ขับ จยย.ติดตามและใช้ปืนจ่อหัวตามที่คนขับรถแห่ให้ข้อมูล และที่รับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่มีใครบังคับ
ความคืบหน้ากรณี นายเจษฎากร เขียนนิลศิริ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 เบอร์ 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายมานิตย์ สันธิ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นทีมงานขับรถแห่หาเสียง ได้นำหลักฐานการแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บ้านด่าน มาแถลงข่าว ว่าขณะนายมานิตย์ ขับรถยนต์ประชาสัมพันธ์ หาเสียงไปถึงบริเวณป่าอ้อยระหว่างหมู่บ้านระเบิก กับหมู่บ้านกระชาย ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน ได้ถูกชาย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ ประกบแล้วจอดขวางหน้ารถก่อนที่คนซ้อนท้ายจะเดินมาหาใช้อาวุธปืน ชนิดลูกโม่ ไม่ทราบขนาด จ่อที่ศรีษะแล้วข่มขู่ว่า “มาวิ่งหาเสียงให้เขาทำไม” และบอกว่าห้ามเปิดเสียงประชาสัมพันธ์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 4 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกนายมานิตย์ คนขับรถแห่ มาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก พร้อมอธิบายให้นายมานิตย์ ฟังด้วยว่า จากการลงพื้นที่สืบสวน และตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและจุดต่างๆ ตามคำกล่าวอ้างของนายมานิตย์ แต่ไม่พบรถ จยย.หรือชายฉกรรจ์ตามที่นายมานิตย์ให้การเลย กระทั่งนายมานิตย์ จำนนต่อหลักฐานและยอมรับสารภาพกับตำรวจว่าเป็นการกุเรื่องขึ้น
จากนั้นวันที่ 5 พ.ค.66 นายมานิตย์ ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ต้องรับสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นเพราะถูกตำรวจบังคับให้ยอมรับไม่ได้สมัครใจ และพร้อมจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้เรื่องกลับตาลปัด นั้น
ล่าสุดวันที่ 6 พ.ค.66 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ , พ.ต.อ.สาธิต สถิตย์ถาวร ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.บ้านด่าน ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์
โดยผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแรงจูงใจของนายมานิตย์ ว่ามีจุดประสงค์อะไรที่ให้การกับตำรวจกลับไปกลับมา เพราะก่อนรับสารภาพได้เอาพยานหลักฐานต่างๆ ให้นายมานิตย์ดู จนนายมานิตย์ ยอมเซ็นคำรับสารภาพด้วยตัวเอง ซึ่งการกลับคำให้การและกล่าวหาว่าตำรวจบังคับให้รับสารภาพ ทำให้ตำรวจได้รับความเสียหาย ยืนยันว่าตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และไมได้บังคับให้รับสารภาพตามที่กล่าวอ้าง แต่นายมานิตย์ จะให้การยังไงก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถจะพูดได้ แต่หลังจากนี้ตำรวจ สภ.บ้านด่านก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนฐานแจ้งความเท็จ ส่วนที่กล่าวหาว่าตำรวจบังคับนั้น ซึ่งเข้าข่ายหมิ่นประมาณ ก็ขึ้นอยู่กับผู้กำกับการ สภ.บ้านด่าน ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ด้าน พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.บ้านด่าน ระบุว่า วันที่ 3 พ.ค. 66 เวลา 12.30 น. นายมานิตย์ ได้มาลงบันทึกประจำวันไว้ว่าถูกชายฉกรรจ์ 2 คนขี่รถจักรยานยนต์เอาปืนมาจี้พร้อมข่มขู่ ต่อมาชุดสืบสวน สภ.บ้านด่าน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบถามชาวบ้าน ร้านค้าที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าไม่พบบุคคลต้องสงสัย ไม่พบรถจักรยานยนต์ตามที่กล่าวอ้าง มีเพียงรถหาเสียงของพรรคการเมือง 2 พรรคเท่านั้น ชุดสืบสวนจึงให้นายมานิตย์ มาชี้จุดที่ตามที่กล่าวอ้างว่าถูกปืนจ่อ แต่นายมานิตย์ กลับให้การวกวน สุดท้ายนายมานิตย์ จำนนต่อหลักฐาน ยอมรับสารภาพว่ากุเรื่องขึ้นเองจึงบันทึกคลิปไว้เป็นหลักฐาน