“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหาร หํปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*…

รับบทนางสิงห์สั่งป่า  “อุ๊งอิงค์”แพทองธาร ชินวัตร เปิดห้องติวเข้มบรรดาผู้สมัครส.ส.ปรับกลยุทธ์ สู้กระแสพรรคก้าวไกล บางช่วงบางตอนบอกผู้สมัครของพรรคว่า …*…

 “ ไม่ต้องกังวลพรรคคู่แข่ง เนื่องจากเขาไม่มีศักยภาพเหมือนเรา จึงเล่นแต่ในโซเชียลมีเดีย ทำให้โพลบางสำนักขยับขึ้น ดังนั้นในช่วงใกล้โค้งสุดท้าย ผู้สมัครทุกคน ก็ต้องเน้นใช้โซเชียลฯสื่อสารกับพี่น้องประชาชนให้มากยิ่งขึ้น” …*…

แต่เอาจริงๆ  จะสั่งได้ดั่งใจนางหรือไม่!? โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ได้ข่าวมาว่ามีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.ระดับเกรดเอที่ทำพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนให้ผู้สมัครที่ “ดูแลตัวเองได้”  เรียกว่า มาพร้อมกระสุนลงเสียบ แถมที่ผ่านมาบางคนโดยเบียด ขอย้ายเขตเอาดื้อๆ …*…

คนพวกนี้ก็กำเงินมา หวังจะมาอาศัยกระแสพรรค ในเมื่อควักกระเป๋าจ่ายเอง อะไรเองแล้ว ฉะนั้น จะให้มาเหนื่อยลงพื้นที่อีก ชั่วโมงนี้ก็ไม่รู้จะไหวไหม มันก็เลยเอาต์ออฟคอนโทรล …*…

 เอาจริงๆ งานนี้เพื่อไทยจะไปโทษใคร เพราะก่อนหน้านี้ “พี่โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร เองนั่นแหละ ที่ไปเปิดสูตรจัดตั้งรัฐบาล ทำตัวเป็นเซลแมนขายพ่วงให้ก้าวไกล “วันนี้ฝั่งประชาธิปไตย คือ คำตอบ และสิ่งที่น่าสนใจคือ กทม. แทบจะแบ่งคนละครึ่ง ระหว่าง เพื่อไทย กับ ก้าวไกล ดังนั้นถ้ารวมกันก็เกิน 350 เสียง” แล้วจะมาสลัดให้หลุดตอนนี้ ก็ยากละ(รายการ CARETalk x CareClubHouse  24 มกราคม2566 ) …*…

อย่างไรก็ตาม จากที่ ศรพระราม เฝ้าติดตามปรากฎการณ์การเมือง การเลือกตั้งรอบนี้ที่งวดเข้ามาเรื่อยๆ ใกล้การเลือกตั้ง กระแสเลือกแล้ว “เสียของ” จะกลับมา ทั้งสองฝั่ง ยิ่งเพื่อไทย หรือก้าวไกล คะแนนโด่งเท่าไหร่ อีกขั้วก็จะหาคนที่สู้ได้ นั่นก็คือ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เดินหมากก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐ พลิกเกมสลัด ดีลลับไม่น่าจะทันการณ์ …*…

ปะหน้า ส.ว.สรรหาท่านหนึ่ง ลองหยั่งเสียงตรงๆ ถึงอนาคตในการเลือกนายกฯ ว่าถ้าพรรคเพื่อไทยรวบรวมได้เสียงข้างมากแล้ว เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรค จะสนับสนุนไหม ส.ว.คนดังกล่าวตอบชัดเลยว่า “ไม่” ศรพระราม ถามต่อ เพราะอะไร ไม่กลัวถูกวิจารณ์และม็อบประท้วงเหรอว่าไม่ฟังเสียงประชาชน? …*…

ส.ว.คนเดิมอรรถาธิบายว่า  ถ้าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค จะไม่มีข้อกังขาใดๆเลย เป็นนักการเมือง ทำงานในสภาฯ ประวัติมีที่มาที่ไป แต่กรณีของ 3 แคนดิเดตนายกฯนี้  คนหนึ่ง ก็มีปัญหาเรื่องลอกข้อสอบ อีกคนมีข้อกังขาเรื่องจิตสาธารณะ เพราะขนาดสะพานยังเก็บค่าผ่านทางกับประชาชน แล้วอีกคนก็เคยเสนอแก้ไขมาตรา 112 …*…

 “ไม่ใช่ไม่ฟังเสียงของประชาชน แต่ส.ว.คือสภากลั่นกรอง ไม่อย่างนั้นจะมีส.ว.ไว้ทำไม” …*…

ที่มา:ศรพระราม (28/4/66)