วันที่ 28 เม.ย.2566 เวลา 17 .00 น.ณ เวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนนิเดตนายกรัฐบมนตรี พร้อมด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค  นายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 สมชาติ เดชถาวรเจริญ หมายเลข 2  เขตเลือกตั้งที่ 2 นายเฉลิมพงศ์ แสนดี หมายเลข 2 และ เขตเลือกตั้งที่ 3 นายฐิติกันต์ ฐิติพฤติกุล หมายเลย 5  โดยมีพี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบ พรรคก้าวไกล จำนวนมาก เดินทางมาฟังการปราศรัยในครั้งนี้ จนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ไม่เพียงพอ จนต้องเสริมเก้าอี้ นอกจากนั้นยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยืนฟังการปราศรัยบริเวณด้านข้างและ ด้านหลังเวที ปราศรัยจนแน่น และมีการส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่ นายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัย

อย่างไรก็ตามหลังจากจบการปราศรัย ในส่วนของผู้ที่เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ต่างก็มาขอถ่ายรูปกับหน้าหน้าพรรคก้าวไกล และ หมอเก่ง จำนวนมาก จนต้องมีการจัดคิว 

นายพิธา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คนภูเก็ตให้ความไว้วางใจ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง คือ พรรคก้าวไกลในขณะนี้กว่า 40,000 คะแนน หรือประมาณ 20% ของจำนวนมีสิทธิ์เลือกตั้ง ทำพรรคมี ส.ส.คนแรกที่ภูเก็ต  คือ “รังสิมันต์ โรม”  การเลือกตั้งครั้งนี้เซียนการเมืองบอกเป็นไปไม่ได้ที่พรรคก้าวไกล จะมี ส.ส.ภาคใต้ จะบอกอะไรให้ ที่มาวันนี้เพื่อมาหักปากกาเซียน 

สิ่งที่ทำให้ตนเชื่อมั่นแบบนี้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คนรุ่นใหม่ในภูเก็ตมีมากกว่าครึ่ง ของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือประมาณ 150,000 คน เป็นคนรุ่นใหม่ อายุน้อยกว่าหัวหน้าพรรค เมื่อรวมกับคะแนนเสียง 40,000 คะแนนครั้งที่แล้วจะไม่ชนะได้อย่างไร จึงเป็นที่มาของการมาหาเสียงให้ผู้สมัครทั้ง 3 เขตในภูเก็ตวันนี้ เพื่อให้การทำงานให้กับภูเก็ตแบบไร้รอยต่อ รังสิมันต์ โรม คนเดียวไม่พอ ต้องเอาทั้ง 3 คนมาช่วยด้วย 

รวมทั้งเพื่อมาแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในภูเก็ต ที่นี่เลวร้ายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ประชากรแสนคนมีอาชญากรรม 240 ครั้ง แย่ที่สุดในประเทศไทย จะให้ใครแก้ ไม่ว่าจะปัญหาจีนเทา รัสเซียเทา แม้แต่ไทยเทา เมื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรม เสร็จเรามาดูกันว่าอนาคตของภูเก็ตจะเป็นอย่างไร ในอดีตที่ผ่านมาภูเก็ตอยู่ได้ด้วยการทำเหมืองแร่ดีบุก ต่อมาอยู่ด้วยการท่องเที่ยว พอโควิดว่าจากรายได้ 4 แสนล้าน ลดเหลือ 1 แสนล้าน คนภูเก็ตลำบากกันมาก 

ดังนั้นอนาคตของภูเก็ต ต้องอยู่ที่นักการเมืองคนรุ่นใหม่ เพื่อมาร่วมมือกันวางแผนอนาคตของภูเก็ตต่อ ซึ่งสิ่งที่ตนมองเห็นอนาคตของภูเก็ตที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยว คือ การทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจดิจิตอล มาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงแบรนด์ยาหยี ที่นำผ้าปาเต๊ะมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นของคนรุ่นใหม่ ฉลองเบย์ ที่เป็นเหล้าที่ผลิตในภูเก็ต หรืออื่น ๆ ที่เกิดจากสมองและสองมือของคนภูเก็ตที่มีโอกาสและผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองดิจิตอล ภูเก็ตถึงจะเข้มแข็ง ภูเก็ตถึงจะมีอนาคต ภูเก็ตจะไม่เหมือนเดิม ปากท้องดี การเมือง มีอนาคต 

“อยากจะสื่อสารไปถึงผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ทีมงาน และทุกคนที่เชียร์ก้าวไกลทั่วประเทศ ในโค้งสุดท้ายว่า “แพ้เป็นถ่าน ถ่านเป็นเพชร” เพราะฉะนั้นอย่าไปหวั่นไหวกับการโจมตี ขอให้มั่นใจในตัวแคนดิเดตนายกของทุกท่าน ตั้งใจทำงานหาเสียงในโค้งสุดท้าย เคาะทุกประตู แจกทุกใบปลิว อย่าไปกังวลกับดินโคลนที่เขาสาดมา เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ทำให้ผมหวั่น ไม่ทำให้ผมเสียสมาธิ เพราะเป้าหมายของผมคือประชาชนทั่วประเทศ” นายพิธา กล่าว