ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า หลังจากนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกตระเวนหาเสียงเลือกตั้งกับบรรดาเหล่ารัฐมนตรีทั้งหลาย รวมถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (21 เม.ย.) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้สมัคร ส.ส.แบ่งเขต เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสระแก้ว เบอร์ 1 (อ.วังสมบูรณ์ อ.คลองหาด อ.วังน้ำเย็น ยกเว้น ต.ทุ่งมหาเจริญ และ อ.วัฒนานคร ยกเว้น ต.ช่องกุ่ม ต.แซออร์) พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ที่ หน้าสนามโรงเรียนหนองน้ำใส ตำบลหนองน้ำใส อ.วัฒนานคร รวมทั้งหมด 4 ตำบล มีตำบลหนองตะเคียนบอน จำนวน 10 หมู่บ้าน ตำบลหนองน้ำใส จำนวน 10 หมู่บ้าน ตำบลโนนหมากเค็ง จำนวน 9 หมู่บ้านและตำบลหนองหมากฝ้าย จำนวน 8 หมู่บ้าน รวมทั้งหมด 37 หมู่บ้าน มวลชนเกือบ 4,000 คน ได้ร่วมฟังนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาหญิงคนแรกของประเทศไทย
โดยนางสาวตรีนุช ได้กล่าวทักทายพี่น้องประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้ต้องไปร่วมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ร่วมกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จังหวัดฉะเชิงเทราเมื่อเย็นวานนี้ นางสาวตรีนุช ได้กล่าวถึงนโยบายที่ช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ นโยบายเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาท รวมทั้งยังมีออฟชั่นเสริมคือเพิ่มเบี้ยประกันชีวิต 200,000 บาท รวมถึงเพิ่มวงเงินหมุนเวียน 50,000 บาทสำหรับผู้ถือบัตร ขณะที่นโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 70 และ 80 ปี ยังเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนรากหญ้า แต่ที่โดนใจมวลชนมากที่สุด คือ นโยบายลดราคาน้ำมันเบนซิน เหลือลิตรละ 26 บาท น้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 25 บาท รวมไปถึงแก๊สหุงต้มในครัวเรือนอีกด้วย
นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า ตนได้รับคะแนนเสียงจนเติบโตเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชนได้ ตนซึ่งได้ไปดำรงตำแหน่งเป็น รมว.ศึกษาธิการ หญิงคนแรก พอเข้าไปทำงานได้ 2 ปี ก็เกิดวิกฤตโควิด พวกเราก็จะมาเจอหน้าเจอตาพี่น้องก็ยังไม่ได้ ทำอย่างไรจะให้ลูกหลานของเราได้รับการดูแลที่สุด ในเรื่องวัคซีนให้กับครูและเด็กๆ การเปิดภาคเรียน การเปิดโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาเราเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก ค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรหลาน จึงเร่งและเสนอให้มีการช่วยเหลือครอบครัวเด็กนักเรียน 11 ล้านคน คนละ 2,000 บาททั่วประเทศ
ส่วนการจัดการเรื่องการศึกษา จ.สระแก้ว ถือเป็นจังหวัดชายแดนที่มีโรงเรียนกว่า 300 โรงเรียน จาก 30,000 โรงเรียนทั่วประเทศ จึงริเริ่มโครงการพัฒนาด้านการศึกษาไปสู่ความเป็นเลิศด้านวิทย์-คณิต ซึ่ง จ.สระแก้ว ก็มีโรงเรียนจุฬาภรณ์ 1 ใน 18 แห่งทั่วประเทศด้วย รวมถึงโรงเรียนประจำศูนย์ศึกษาสงเคราะห์ เพื่อรับน้อง ๆ กลุ่มเปราะบางด้วย และวันนี้ในส่วนโครงการอาหารกลางวันที่เคยได้รับ วันละ 21 บาท/หัว ทั้งกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กและใหญ่ จึงเร่งผลักดันให้เพิ่มค่าอาหารกลางวันเด็กเป็น 36 บาท รวมไปถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียน เพื่อเพิ่มคุณภาพการศึกษาของบุตรหลานในอนาคต เป็นต้น พร้อมยืนยันในเรื่องของการทำงานที่โปร่งใสและไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรเลย และพร้อมจะดูแลพี่น้องชาว จ.สระแก้ว ต่อไป