วันที่ 30 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สนามเขตเลือกตั้งที่ 2 เมืองแดริ้วคึกคัก เริ่มจาก “ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์” (ส.ส.ต้อย) อดีต ส.ส.พื้นที่เก่า ผู้ที่ได้เข้าไปเดินผ่านเป็นคนการเมืองยังสภาเป็นหน 2 จากการเลือกตั้งแบบโมฆะ ส่วนครั้งที่ 2 นั้นได้เป็นผู้แทน หลังจากที่ได้ยอมสละพื้นที่ จากการแยกบารมีของคนทั้งสอง ทั้งลุงตู่ และลุงป้อมที่ไม่ปรองดอง ผู้สมัครจึงต้องย้ายสังกัดยอมแยกพรรคในเขตนี้ไปเรียงลำดับเป็นปาร์ตี้ ยอมทิ้งพื้นที่ให้เพื่อนผอง แบ่งเขตให้ผู้น้องตัวสำรองลงจับจองทำคะแนน
หลังจากผู้ใหญ่ไก่ (กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา) ได้ตัดสินใจตามคำขอ “อิทธิ ศิริลัทธยากร” (อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา 5 สมัย) ไม่รีรอส่งน้องเบนซ์ (อรรถกร ศิริลัทธยากร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ) เดินสู่สภา ด้วยมุ่งมั่นหวังปั้นเป็น ส.ส.เขต เพื่อให้พรรคดังเป็นแกนนำระดับประเทศได้เดินหน้า การเมืองเป็นเรื่องเจรจาหวังพึ่งพากันยามจัดตั้งเป็นรัฐบาล
ด้านฝั่งคู่แข่งนั้น คือ หนุ่มไฟแรง “หนุ่มจั๋ง” พงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ เป็นหนุ่มผู้อ่อนน้อมที่เพียบพร้อมจะเดินหน้า ด้วยดีกรีลูกอดีต ส.ส.ที่มีมา (บุตรชายเสี่ยเน้า หรือสมชัย อัศวชัยโสภณ อดีตนายก อบจ.คนแรก และอดีต ส.ส.ไทยรักไทย,พลังประชาชน เขตพื้นที่ 2 สมัย) นั้นอาจนำพาไม่เป็นรอง ทั้งประสบการณ์งานที่ผ่าน เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค มาลงสนามการเมืองเพื่อแข่งขันในนามพรรคเพื่อไทย
นอกจากช้างสารชักศึกใหญ่ยังมีอมรชัย (นายอมรชัย ปิ่นเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์) เป็นตัวรองนั้นคอยตัด เจาะฐานชัดคนแถวสอง เดินสายงานการปกครองไม่หยุดหย่อนในทุกวิธีทั้งงานคลายความทุกข์เสริมความสุขมานานปี สร้างผลงานไว้ได้ดีไม่เคยทิ้งพื้นที่มีมากมาย ทั้งปัญหาหนัก มาก น้อยใหญ่เขาเป็นใครไม่เคยสน แบ่งเบาบรรเทาไปจนทั่วทุกตำบลคงเห็นผลได้ทันตา เมื่อถึงวันที่ต้องกา เสียงจากประชาจะเลือกใครไปเป็นผู้แทน