เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 27 มี.ค. ที ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ปราโมทย์ ศุขศรีไพศาล สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งเอาผิด พล.ต.ต.เอกรักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ง. พล.ต.ท.เปี๊ยก (นามสมมุติ) และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนำเงินจากสารวัตรซัว พัวพันพนันออนไลน์ไปมอบให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จำนวน 6 ล้านบาท ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พศ. 2542
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้มาแจ้งความกับ พล.ต.ต.เอกรักษ์ พร้อมกับ พล.ต.ท.เปี๊ยก และพวกรวม 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินจำนวน 6 ล้านบาท จากสารวัตรซัว ไปมอบให้นายชูวิทย์ ให้ทางกองบังคับการปราบปรามซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีเอาผิดสารวัตรซัว ให้อายัดจำนวน 6 ล้านบาทมาตรวจสอบ และเอาผิดกับนายชูวิทย์ ในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันถูกโอนเข้าบัญชีของ ภรรยา ของพล.ต.ต.เอกรักษ์ หลายล้านบาทอีกด้วย
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า อยากฝากไปถึง ตำรวจยศนายพลทั้ง 2 ท่านนี้ว่า รู้จักบุคคลที่อยู่ในรูปภาพที่ตนนำมาแสดงโชว์ด้วยหรือไม่ ซึ่งคนในรูปก็คือ นายกานต์ หน้าเสื่อที่คอยเคลียร์เรื่องให้กับนายแทนไท อีกทั้งยังมีข้อมูลว่าเป็นบุคคลที่เข้าไปหานายชูวิทย์อยู่บ่อยครั้งส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ ระบุว่าได้รับเงินจำนวน 6 ล้านบาทมาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ตามที่ชี้แจงกับสื่อมวลชน ตนไม่เชื่อว่าเป็นวันดังกล่าว เพราะในวันที่ 5 - 9 กุมภาพันธ์ นายชูวิทย์ได้ไลฟ์สด โจมตีสถานอาบอบนวดของนายเปา หลานบุญธรรม และสารวัตรซัว จนถูกให้ออกจากราชการ จึงตั้งข้อสงสัยว่า น่าจะรับเงินหลังจากนั้น
นอกจากนี้ตนยังทราบว่า ยังมี พล.ต.อ.ช.ช้าง อีกรายที่เป็นคนพานายแทนไทไปหานาย ชูวิทย์ และมีตำรวจชื่อ เด่น สังกัดอยู่ในกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 คอยรับเคลียร์เว็บพนันทางภาคเหนือ นอกจากนี้ในช่วงบ่ายของวันนี้ตนจะเดินทางไป สน.ทองหล่อ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ สืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีอาญากับบุคคลตามภาพในเฟซบุ๊กที่โพสโดย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และชายอีกหนึ่งคนพร้อมถุงเงิน 2 ถุง ในข้อหาเดียวกัน เพื่อจะได้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินดังกล่าวถูกนำเงินมาจ่ายให้ใคร ใช่ที่โรงแรมเดวิส หรือไม่ รวมถึงจะไปแขวนป้ายที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน เพื่อให้คนในสำนักงานออกมาต่อสู้หลังมีบุคคลเข้าไปทำให้องค์กรเสื่อมเสีย