ตลอดทศวรรษ 2000–ต้น 2010 ชื่อของ Nikon ถูกจารึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Canon ในฐานะสองขั้วอำนาจของตลาด DSLR ถ้า Canon มี 5D/1D เป็นสัญลักษณ์ของมืออาชีพ Nikon ก็มี D3, D700, D300, D90 ที่ขึ้นหิ้งไม่แพ้กัน จุดเด่นของ Nikon ในยุคนั้นคือ “ไฟล์ภาพ” ที่ให้น้ำหนักสีและโทนสกินสมจริง พร้อม Dynamic Range กว้าง จนถ่ายย้อนแสงหรือดึงเงา–ไฮไลท์ได้สบาย หลายรุ่นใช้เซนเซอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องช่วงรับแสงกว้าง ผสานกับเอนจินประมวลผล EXPEED ทำให้ไฟล์ภาพนิ่งและ JPEG ตรงจากกล้องมีคาแรกเตอร์ที่แฟน ๆ จดจำ
ความแข็งแกร่งอีกด้านคือ Nikkor F-mount ระบบเลนส์ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยุคฟิล์ม (ปี 1959) และขยายผลต่อเนื่องมายัง DSLR มีครบทุกช่วง ทุกระดับ ตั้งแต่เลนส์คิทใช้งานประจำวัน ไปจนถึงซูเปอร์เทเลสำหรับกีฬาและสัตว์ป่า ความทนทานระดับงานสนามจริง—ซีลกันละอองน้ำ โครงสร้างแมกนีเซียม—ทำให้ Nikon เป็นตัวเลือกหลักของช่างภาพข่าว กีฬา และสารคดีทั่วโลก รุ่นอย่าง D3 (เรือธงยุค 2007) ผลักดันความเร็วและคุณภาพไฟล์ในที่แสงน้อย, D700 ทำให้ฟูลเฟรมเข้าถึงง่ายขึ้น, D300/D90 ปักธงในระดับกึ่งโปรและเอนทรี–โปรเกรด เมื่อรวมกับเลนส์ Nikkor ที่คมและคุมแฟลร์/โบเก้ได้ดี ภาพจำของผู้ใช้จึงชัดเจนว่า “ถ้าอยากได้ไฟล์ภาพดึงได้ เล่นไดนามิกจัด ๆ Nikon คือคำตอบ”
แม้ต่อมาจะมีไอคอนยุคปลาย DSLR อย่าง D750, D810, D850 ที่ยกระดับความละเอียดและโทนภาพไปอีกขั้น แต่บัลลังก์ที่แท้จริงของ Nikon ในความทรงจำผู้ใช้จำนวนมาก คือช่วงเวลาที่แบรนด์ “สูสีแบบแตะมือได้” กับ Canon ในแทบทุกเซกเมนต์—ตั้งแต่มือใหม่จนถึงมืออาชีพระดับทัวร์นาเมนต์
ก้าวแรกสู่ Mirrorless: Nikon 1 Series ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
เมื่อกระแส Mirrorless เริ่มก่อตัวช่วงต้นทศวรรษ 2010 หลายค่ายเร่งวางหมากใหม่ Sony พุ่งทะยานด้วยแนวคิดไร้กระจกและเซนเซอร์ล้ำหน้า ขณะที่ Fujifilm เปิดตัว X-Series ได้อย่างสง่างาม ด้าน Nikon เลือกเปิดเกมด้วย Nikon 1 Series (2011)—ระบบเปลี่ยนเลนส์ใหม่บนเมาท์เฉพาะ (Nikon 1) ที่ใช้เซนเซอร์ CX format ขนาด 1 นิ้ว (13.2×8.8 มม.) จุดเด่นคือความเร็วจัดจ้าน ทั้ง Hybrid AF on-sensor ที่รวม Phase/Contrast ไว้ด้วยกัน, ถ่ายรัวระดับสิบ–หลายสิบเฟรมต่อวินาทีแบบมีติดโฟกัส และบอดี้เล็กเบาพกง่าย รุ่นอย่าง J1/V1 โดดเด่นเรื่องความคล่องตัว ในเวลาต่อมายังมี
AW1 ที่กันน้ำลึกได้โดยไม่ต้องใส่เฮาส์ซิง—นับเป็นไอเดียที่ล้ำหน้ามากในยุคนั้น
แต่ “กลยุทธ์เซนเซอร์เล็ก” ก็มีราคาที่ต้องจ่าย: คุณภาพไฟล์ในที่แสงน้อยและระยะชัดลึก ไม่อิสระเท่า APS-C/ฟูลเฟรม ทำให้ละลายหลังยากกว่าและมีนอยส์เร็วกว่าเมื่อดัน ISO ขึ้นสูง อีกทั้ง เลนส์เฉพาะระบบมีจำนวนจำกัด แม้จะค่อย ๆ เพิ่มรุ่น แต่ก็ไม่พอสร้างความมั่นใจว่าจะเป็นระบบใหญ่สำหรับอนาคต ผู้ใช้ DSLR ที่หวังย้ายระบบก็มักติดอยู่กับคำถาม “เลนส์เดิมใช้ยังไง” ถึงจะมีอะแดปเตอร์ FT1 ให้ต่อเลนส์ F-mount ได้ แต่ข้อจำกัดด้านโฟกัส/การใช้งานทำให้ประสบการณ์ไม่ไร้รอยต่อพอ
ท้ายที่สุด Nikon 1 กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ เด่นเรื่องความเร็วและคอนเซ็ปต์ แต่ไม่ตอบโจทย์ “คุณภาพไฟล์/เลนส์/เส้นทางเติบโต” ของผู้ใช้ส่วนใหญ่ ระบบจึงค่อย ๆ เงียบหายและถูกยุติลงในเวลาต่อมา ทิ้งบทเรียนสำคัญให้ Nikon ว่า หากจะก้าวสู่ Mirrorless อย่างแท้จริง ต้องสร้าง แพลตฟอร์มใหม่ที่มีศักยภาพทางออปติคสูงพอ จะเกิดเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในภายหลัง—ยุค Z Series และ Z-mount ที่ออกแบบมาเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดทางเลนส์และไฟล์ภาพตั้งแต่รากฐาน
จุดเปลี่ยนสำคัญ: กำเนิด Z Series
หลังจากพลาดจังหวะไปกับ Nikon 1 Series ในที่สุด Nikon ก็ประกาศก้าวสำคัญครั้งใหม่ในปี 2018 ด้วยการเปิดตัว Nikon Z6 และ Z7 พร้อมกับ Z-Mount ระบบใหม่ที่ออกแบบขึ้นจากศูนย์ จุดเด่นของ Z-Mount คือ เส้นผ่านศูนย์กลาง 55 มม. ที่กว้างที่สุดในบรรดาเมาท์ฟูลเฟรม และระยะ Flange เพียง 16 มม. ซึ่งสั้นกว่าระบบ DSLR เดิมมาก การออกแบบนี้เปิดประตูให้วิศวกรสามารถสร้างเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างและคุณภาพสูงกว่าเดิมได้อย่างอิสระ ตัวอย่างชัดเจนคือ Nikkor Z 58mm f/0.95 Noct เลนส์ไวแสงที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของพลัง Z-Mount
นอกจากเรื่องเมาท์แล้ว Z6/Z7 ยังนำเสนอเทคโนโลยีที่ผู้ใช้รอคอย เช่น ระบบกันสั่นในบอดี้ (IBIS) ครั้งแรกของ Nikon ที่ทำให้ทุกเลนส์สามารถใช้งานกันสั่นได้ รวมถึง เซนเซอร์ BSI CMOS ที่ยกระดับคุณภาพไฟล์โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย การมาของ Z Series จึงไม่ใช่แค่การเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ แต่เป็นการประกาศว่า Nikon พร้อมกลับเข้าสู่สนาม Mirrorless อย่างจริงจัง
การขยายไลน์: ครอบคลุมตั้งแต่ Entry Creator ถึงระดับโปร
หลังจากปูทางด้วย Z6/Z7 แล้ว Nikon ก็เร่งเดินเกมเพื่อให้ระบบ Z ครอบคลุมผู้ใช้ทุกกลุ่ม เริ่มจาก Z50 (2019) กล้อง APS-C รุ่นแรกที่ออกแบบมาเพื่อตลาด Entry ใช้งานง่ายและราคาจับต้องได้ ตามด้วย Z5 (2020) ซึ่งเป็นฟูลเฟรมราคาย่อมเยา เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงประสบการณ์ Full Frame โดยไม่ต้องจ่ายสูงระดับโปร
ปี 2021 Nikon เปิดตัว Z fc ที่ใช้ดีไซน์ย้อนยุคแบบกล้องฟิล์มในตำนาน แต่ซ่อนเทคโนโลยี Mirrorless รุ่นใหม่ไว้ภายใน เจาะกลุ่ม Creator และสายแฟชั่นที่ต้องการทั้งคุณภาพและสไตล์ที่โดดเด่น ต่อมาในปี 2022 Nikon เปิดตัว Z30 ที่ออกแบบมาเพื่อ Vlogger โดยเฉพาะ ด้วยบอดี้เล็ก เบา และจอพับถ่ายตัวเองได้สะดวก
ขณะเดียวกัน Nikon ก็ไม่ลืมตลาดมืออาชีพ ด้วยการเปิดตัว Z9 (2021) กล้อง Flagship ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมหาศาล เพราะเป็นกล้องโปรตัวแรกที่ ตัดชัตเตอร์กลไกออกไปอย่างสิ้นเชิง ใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ พร้อมถ่ายต่อเนื่องสูงสุด 20fps แบบ RAW และวิดีโอ 8K 60p ทำให้ Nikon กลับมาอยู่แถวหน้าของเวทีระดับโปรดักชันได้อย่างเต็มตัว ต่อด้วย Z8 (2023) ที่ถูกขนานนามว่า “Z9 ในร่างเล็ก” เพราะอัดฟีเจอร์แทบทั้งหมดจาก Z9 มาไว้ในบอดี้กะทัดรัดและราคาย่อมเยากว่า กลายเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่ช่วยขยายฐานผู้ใช้ในกลุ่มมืออาชีพและโปรซูเมอร์
Ecosystem Z-Mount: จุดแข็งที่กำลังโต
หลังการเปิดตัว Z-Mount ในปี 2018 Nikon เดินหน้าสร้างเลนส์ Nikkor Z อย่างจริงจังเพื่อให้ครอบคลุมทุกระดับการใช้งาน ตั้งแต่เลนส์โปรเกรดรูรับแสงกว้าง f/1.2 อย่าง 50mm และ 85mm ที่ตอบโจทย์งานคุณภาพสูง ไปจนถึงเลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่ เช่น 400mm และ 600mm สำหรับสายกีฬาและสัตว์ป่า รวมทั้งเลนส์ซูมอเนกประสงค์ราคาจับต้องได้ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่า Nikon มีการเปิดตัวเลนส์ใหม่แทบทุกปี ทำให้ระบบ Z ค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็น Ecosystem ที่สมบูรณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่ง Third Party Lens ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น Sigma, Tamron, Viltrox หรือค่ายอิสระรายเล็ก ๆ ที่เติมเต็มช่วงเลนส์ซึ่ง Nikon ยังทำไม่ทัน ความร่วมมือเช่นนี้ทำให้ระบบ Z ไม่ได้เป็นเพียง “ค่ายปิด” แต่กำลังพัฒนาเป็น Ecosystem ที่แข็งแรงทั้งด้านคุณภาพและความหลากหลาย จนผู้ใช้มั่นใจได้ว่าการลงทุนกับ Z-Mount คือการลงทุนที่มีอนาคตแน่นอน
Nikon ในตลาด Creator Economy
แม้ Nikon จะถูกมองว่าแข็งแกร่งในตลาดโปรและช่างภาพมืออาชีพ แต่ก็ไม่มองข้ามโอกาสใหม่ในยุค Creator Economy ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปี 2022 Nikon เปิดตัว Z30 กล้อง Mirrorless APS-C ที่ออกแบบมาเพื่อ Vlogger โดยเฉพาะ ด้วยบอดี้เล็ก เบา จอพับเซลฟี่ได้ และการถ่ายวิดีโอที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ Creator มือใหม่ที่อยากก้าวข้ามจากมือถือสู่กล้องจริงจังมากขึ้น
ต่อมาในปี 2021 Nikon สร้างกระแสแรงกับ Z fc ที่ดึงดีไซน์ย้อนยุคจากกล้องฟิล์มยุค 80s มาผสมกับเทคโนโลยี Mirrorless รุ่นใหม่ กลายเป็นกล้องที่ทั้ง “สวย” และ “ถ่ายดี” จนถูกใจ Creator สาย
แฟชั่นและผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับสไตล์ไม่แพ้คุณภาพไฟล์ภาพ
Nikon ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ปี 2023 เปิดตัว Zf กล้อง Full Frame ดีไซน์ Retro ที่ยกระดับจาก Z fc ทั้งด้านคุณภาพไฟล์และงานวิดีโอ ทำให้ Nikon มี “ทางเลือกสายสวย” ที่จับได้ทั้งตลาดทั่วไปและ Creator ที่จริงจังมากขึ้น
จากนั้นปี 2024 Nikon ปล่อย Z50II ที่อัปเกรดจากรุ่นเดิม เสริมประสิทธิภาพให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ APS-C ที่อยากได้กล้องเริ่มต้นแต่ครบเครื่องมากขึ้น และล่าสุดปี 2025 Nikon เปิดตัว ZR กล้อง Full Frame รุ่นใหม่ที่ทำให้ตลาดหันมาจับตาอีกครั้ง เพราะเป็นสัญญาณว่า Nikon พร้อมเร่งสปีดแข่งในตลาด Mirrorless อย่างไม่ถอย
แม้จะยังตามหลัง Canon และ Sony ที่บุกตลาด Creator มาก่อน แต่ Nikon แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยอมแพ้ และกำลังเร่งเครื่องอย่างจริงจังเพื่อเป็นอีกทางเลือกที่แข็งแรงในตลาดที่กำลังเติบโตสูงนี้
บทสรุป: Nikon และการกลับมาอย่างจริงจัง
เส้นทางของ Nikon คือภาพสะท้อนของการปรับตัวในยุคเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมกล้อง จากการเป็นคู่แข่งเบอร์หนึ่งของ Canon ในยุค DSLR สู่ความผิดพลาดกับ Nikon 1 Series ที่ทำให้เสียจังหวะ แต่การมาของ Z Series (2018) ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Nikon กลับเข้าสู่สังเวียน Mirrorless อย่างมั่นคง
วันนี้ Nikon มีจุดแข็งชัดเจนใน Z-Mount ที่ทรงพลัง, เลนส์ Nikkor Z คุณภาพสูง, และกล้องเรือธงอย่าง Z9/Z8 ที่ได้รับการยอมรับจากมืออาชีพทั่วโลก แม้ในตลาดโลกจะยืนระยะได้ดีขึ้น แต่ในประเทศไทย Nikon ยังไม่ติด Top 3 ในด้านส่วนแบ่งตลาด ทว่ากลับมี “แนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง” โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่มองหาความแตกต่าง ทั้งดีไซน์ Retro อย่าง Zfc/Zf และสาย Creator ที่เริ่มให้ความสนใจใน Z30 มากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจกล้อง Nikon ในยุค Z Series EC MALL คือร้านขายกล้องที่พร้อมให้บริการอย่างครบถ้วน ไม่เพียงมีสินค้ารุ่นใหม่อย่าง Z9, Z8, Zf หรือ Z30 ให้เลือก แต่ยังมีทีมงานที่เข้าใจระบบ Z-Mount และสามารถให้คำแนะนำเรื่องเลนส์และอุปกรณ์เสริมได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้ระดับมืออาชีพหรือ Creator ที่เพิ่งเริ่มต้น EC MALL พร้อมช่วยให้การตัดสินใจเลือกใช้งาน Nikon เป็นเรื่องง่ายและมั่นใจมากขึ้น
สำหรับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด EC MALL มีบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ พร้อมการรับประกันระหว่างขนส่ง และการรับประกันศูนย์อย่างเป็นทางการ คุณจึงมั่นใจได้ว่ากล้องและอุปกรณ์ Nikon ที่เลือกซื้อจะถึงมืออย่างปลอดภัยและพร้อมใช้งานทันที