เมื่อถึงจุดที่การเงินตึงมือและจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ไม่ว่าจะเพื่อโปะหนี้เดิม เสริมสภาพคล่อง หรือใช้จ่ายเรื่องจำเป็นต่าง ๆ คำถามสำคัญที่หลายคนเผชิญคือ “จะเลือกใช้สินเชื่อบ้านแลกเงิน หรือจะรูดบัตรเครดิตดี ?” ทั้งสองตัวเลือกให้เงินในยามต้องการเหมือนกัน แต่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทั้งในแง่ของวงเงิน ดอกเบี้ย ภาระหนี้ระยะยาว และความเสี่ยงในการบริหารจัดการเงิน
บทความนี้จะช่วยเปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัดของทั้งสองทางเลือก พร้อมชี้แนะว่าเมื่อใดควรเลือกสินเชื่อบ้านแลกเงิน และเมื่อใดควรใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สินเชื่อบ้านแลกเงินคืออะไร ?
สินเชื่อบ้านแลกเงินคือการนำบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ปลอดภาระมาเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อ โดยธนาคารจะประเมินราคาทรัพย์ และปล่อยวงเงินตามสัดส่วนที่กำหนด (ประมาณ 70–90% ของราคาประเมิน) จากนั้นผู้กู้จะได้รับเงินก้อน และทยอยผ่อนคืนรายเดือนตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งอาจนานถึง 30 ปี โดยมีดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าสินเชื่อประเภทอื่นมาก
บัตรเครดิต ใช้ง่าย แต่ซ่อนความเสี่ยง
จุดแข็งของบัตรเครดิตคือความสะดวก ใช้รูดจ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นเอกสารหรือขออนุมัติใหม่ มีโปรโมชันผ่อน 0% กับร้านค้าที่ร่วมรายการ และไม่ต้องใช้หลักประกันใด ๆ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ได้ชำระเต็มจำนวนในรอบบิล ระบบจะคิดดอกเบี้ยทันทีในอัตราที่สูงถึง 16–20% ต่อปี และยิ่งคุณจ่ายแค่ขั้นต่ำ ยอดหนี้ก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจกลายเป็นภาระระยะยาวโดยไม่รู้ตัว
วงเงิน ดอกเบี้ย และระยะเวลาผ่อนต่างกันแค่ไหน ?
สินเชื่อบ้านแลกเงินให้วงเงินที่มากกว่าอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อนเพื่อโปะหนี้ ดำเนินธุรกิจ หรือต่อเติมบ้าน ในขณะที่บัตรเครดิตเหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินระยะสั้น เพราะวงเงินที่ได้ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนหรือประวัติเครดิต ซึ่งมักจะไม่สูงเท่าการนำบ้านไปจำนอง
ในเรื่องของดอกเบี้ย สินเชื่อบ้านแลกเงินมีความได้เปรียบอย่างมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 5–8% ต่อปี ขณะที่บัตรเครดิตเริ่มต้นที่ 16% และไม่มีแนวโน้มจะลดลง ยิ่งไปกว่านั้น สินเชื่อบ้านแลกเงินสามารถผ่อนชำระระยะยาวสูงสุดถึง 30 ปี ทำให้ภาระรายเดือนเบาลงกว่ามาก ต่างจากบัตรเครดิตที่แม้จะให้เลือกจ่ายขั้นต่ำได้ แต่ยิ่งผ่อนนานเท่าไร ดอกเบี้ยก็ยิ่งบานปลาย
แล้วถ้าเงินขาดมือ ควรเลือกอะไรก่อน ?
หากคุณมีบ้านที่ปลอดภาระและต้องการเงินก้อนจำนวนมาก เช่น เพื่อรวมหนี้บัตรเครดิต ปรับปรุงบ้าน หรือลงทุนเพิ่มรายได้ การเลือก “สินเชื่อบ้านแลกเงิน” จะเป็นทางออกที่คุ้มค่ากว่า เพราะให้วงเงินสูงกว่า ดอกเบี้ยต่ำกว่า และสามารถบริหารภาระผ่อนได้อย่างมีแผน
ในทางกลับกัน หากคุณต้องการใช้เงินเพียงเล็กน้อย เช่น ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ค่าซ่อมรถ หรือรายจ่ายเร่งด่วนที่อยู่ในวงเงินที่คุณรับได้ และมั่นใจว่าจะชำระเต็มจำนวนในรอบบิล การใช้บัตรเครดิตก็อาจเหมาะกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีโปรผ่อน 0% หรือสิทธิประโยชน์จากบัตร
อย่ามองแค่ความง่าย ต้องมองให้ลึกถึงต้นทุนทางการเงิน
ทั้งสินเชื่อบ้านแลกเงินและบัตรเครดิตต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัด การเลือกใช้งานจึงต้องพิจารณาจาก “เป้าหมาย” และ “ระยะเวลาในการใช้เงิน” หากมองในมุมดอกเบี้ย ความมั่นคง และการวางแผนหนี้ระยะยาว สินเชื่อบ้านแลกเงินย่อมได้เปรียบกว่าอย่างชัดเจน แต่หากเป็นเงินเล็กน้อยในช่วงสั้น ๆ บัตรเครดิตก็ยังเป็นตัวช่วยที่ดี เมื่อใช้อย่างมีวินัย
สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่ “หาเงินมาได้” แต่คือ “วางแผนจ่ายคืนอย่างยั่งยืน” เพราะหากบริหารผิดพลาด สิ่งที่ควรช่วยให้ผ่านพ้นปัญหา อาจกลายเป็นภาระก้อนใหญ่ที่ต้องแบกรับในระยะยาวได้เช่นกัน