นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา จัดสัมมนาวิชาการพัฒนาทักษะผู้บริหารการศึกษา เปิดมุมมองการบริหารการศึกษาไทยแนวใหม่

วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดสัมมนาวิชาการด้านการบริหารการศึกษา วันที่ 30–31 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุม สนมสุทธิพิทักษ์อนุสรณ์ และห้องประชุม ดร.ไสวสุทธิพิทักษ์ โดยนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา รุ่นที่1 และคณาจารย์ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ในหัวข้อ “ผู้นำการศึกษายุคดิจิทัล กับปัญหาท้าทายของสังคมไทย” และ “EdChallenge: พลิกโฉมโรงเรียนสู่อนาคต” เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน

การบริหารยุคใหม่ ‘ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี’

สำหรับหัวข้อ “ผู้นำการศึกษายุคดิจิทัล กับปัญหาท้าทายของสังคมไทย” ได้เปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ได้แก่ ดร. คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, รองศาสตราจารย์ ดร.ยศวีร์ สายฟ้า คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิยดา เหล่มตระกูล อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ และอดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภารกิจความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และนายบุญภพ จันทมัตตุการ ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งมิติการบริหารจัดการ การออกแบบการเรียนรู้ และการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ

ดร. คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช กล่าวถึงการศึกษาในศตวรรษที่ 21 โดยเน้นว่าเยาวชนไทยต้องได้รับการพัฒนาทักษะสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ การคิดสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีระบบ ความรอบรู้ดิจิทัล นวัตกรรม และการมี Growth Mindset ภายใต้แนวคิด Unplugged CODING พร้อมทั้งชี้ว่าการศึกษาไทยควรบูรณาการ STI (Science, Technology, Innovation) และต่อยอดจาก STEM สู่ STEAM เพื่อเชื่อมโยงศิลปะกับวิทยาศาสตร์ การจัดการเรียนรู้ที่อิงสมรรถนะอนาคตเหล่านี้ จะช่วยขับเคลื่อน เสริมศักยภาพ และสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้สรุปว่า “การเรียนรู้ยุคใหม่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือศิลปะแห่งการใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกัน”

พลิกโฉมโรงเรียน สร้าง "นักคิด" แห่งอนาคต

ขณะที่ในหัวข้อ “EdChallenge: พลิกโฉมโรงเรียนสู่อนาคต” ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ได้แก่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา Keynote Speaker ของงาน และช่วงเสวนามี ดร.ปรเมศวร์ ชรอยนุช อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายสรวิศ ไพบูลย์รัตนากร ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ Saturday School และ ดร.ศรประภา สิริภัทรวิช หรือ ผอ.พีช ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย โดยมีใจความสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า การศึกษาในยุคใหม่ต้องเปลี่ยนจากการเน้น “เรียนเพื่อรู้” ไปสู่การ “เรียนเพื่อคิด” เพื่อสร้างนักเรียนที่พร้อมรับมือกับความท้าทายของสังคม  นอกจากนี้ บทบาทของครูต้องปรับเปลี่ยนจาก “ผู้สอน” มาเป็น “ผู้เอื้ออำนวย” ที่มีหน้าที่ฝึกให้นักเรียนคิด, ตั้งคำถาม และสะท้อนความคิดอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน สถาบันการผลิตครูในระดับอุดมศึกษาควรมีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้สร้างผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Expert Creator) การเรียนรู้เช่นนี้จะช่วยส่งเสริม การเรียนรู้เชิงลึก, การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการสร้างทักษะในการสะท้อนคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Reflection) ซึ่งจะทำให้เด็กสามารถเติบโตเป็นพลเมืองที่มีทักษะการคิดเชิงบวก การคิดเชิงระบบ และการคิดเชิงออกแบบ โดยเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ วิทยากรทุกท่านเห็นตรงกันว่าจุดประสงค์การเรียนรู้นั้น ควรตั้งต้นจากการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดเจตคติ (Attitude) ก่อน แล้วให้เกิดการปฏิบัติ (Practice) และความรู้ (Knowledge) ตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ถูกต้องต่อการเรียนรู้และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าความรู้ที่สามารถหาได้ง่าย ดังนั้น การสร้างความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ และการเปิดพื้นที่การเรียนรู้นอกโรงเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เด็กได้ค้นพบความสนใจและความสามารถของตนเอง ควบคู่ไปกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นผู้ช่วยคิดต่อยอดจากความคิดของตนเอง โดยต้องอย่าลืมว่าไม่ควรเชื่อ AI 100% เพราะมนุษย์ยังคงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ

ช่วงท้ายของการเสวนาผู้เชี่ยวชาญยังได้ร่วมกันสะท้อนถึงภาพของโรงเรียนในอนาคตที่ไม่ใช่เพียงพื้นที่แห่งการเรียนรู้ แต่เป็นพื้นที่แห่งความสัมพันธ์ โรงเรียนควรเป็นสถานที่ที่ครูอยากอยู่ และนักเรียนอยากเรียน เป็นบ้านที่ลดชนชั้นในการสื่อสาร เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม พร้อมกันนั้นยังมีการเน้นถึงความจำเป็นในการ “คืนครูสู่ห้องเรียนอย่างจริงจัง” โดยลดภาระงานธุรการที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ครูได้กลับมาโฟกัสกับแพชชันในการสอน และได้แบ่งปันความสุขจากการเห็นเด็กๆ มีความสุขและเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง ซึ่งเป็นวงจรที่หล่อเลี้ยงกันระหว่างครูกับนักเรียน และเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

การเรียนรู้ทักษะผู้บริหารผ่านการปฏิบัติจริง

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พงษ์ภิญโญ แม้นโกศล คณบดีวิทยาลัยครุศาสตร์ DPU  กล่าวถึงการจัดโครงการสัมมนาทางวิชาการครั้งนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนที่ออกแบบให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญของการบริหารการศึกษาในปัจจุบัน และส่งเสริมศักยภาพของผู้บริหารการศึกษา

ผศ.ดร. พงษ์ภิญโญ อธิบายเบื้องหลังของกิจกรรมครั้งนี้ว่า เป็นเวทีสำคัญที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้บริหารการศึกษา เพราะการจัดสัมมนามีรายละเอียดซ่อนอยู่มากมาย ตั้งแต่การเลือกรูปแบบงาน การควบคุมระบบออนไลน์ การประสานงานกับวิทยากร ไปจนถึงการรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิด จากประสบการณ์อันมีคุณค่าเหล่านี้ นักศึกษาได้เรียนรู้การทำงานที่มีรายละเอียดและความซับซ้อนสูง รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในเชิงผู้บริหาร กระบวนการทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างทักษะเฉพาะตัว แต่ยังช่วยสร้างกรอบความคิดจากการเป็นผู้ปฏิบัติงานธรรมดาไปสู่การคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารการศึกษาในยุคปัจจุบัน

ผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมาย-โอกาสใหม่ในอาชีพ

ผศ. ดร. พงษ์ภิญโญ ยังแสดงความชื่นชมผลงานของนักศึกษาที่สามารถจัดงานได้อย่างโดดเด่นเกินความคาดหมาย ที่นักศึกษาสามารถเชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญระดับสูง นอกจากนี้ นักศึกษายังได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ในด้านเนื้อหาวิชาการ นักศึกษาก็สามารถเลือกสรรประเด็นที่น่าสนใจและสอดคล้องกับยุคสมัย เช่น การพลิกโฉมโรงเรียนในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญ

From Teacher to Leader ค้นพบศักยภาพสู่การเป็นผู้นำทางการศึกษา

หลักสูตรของ วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) มุ่งเน้นการพัฒนา ส่งเสริม และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง ภายใต้แนวคิด “From Teacher to Leader” เพื่อก้าวจากครูผู้สอน สู่การเป็นผู้นำทางการศึกษาและผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ แนวคิดนี้สอดคล้องกับปรัชญาของมหาวิทยาลัย “DISCOVER  POTENTIAL UNLIMITED” ที่เชื่อมั่นว่าศักยภาพของมนุษย์ไร้ขีดจำกัด และสามารถถูกปลดปล่อยได้ผ่านการเรียนรู้ที่มีความหมาย

ธงของหลักสูตรบริหารการศึกษา จึงไม่ใช่เพียงการผลิตครูที่เก่งการสอน แต่คือการหล่อหลอม ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และความเข้าใจเชิงกลยุทธ์ ผู้สำเร็จการศึกษาจะมีความสามารถในการกำหนดทิศทางโรงเรียน วางนโยบายเพื่อสนับสนุนครู และสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพสูง

แนวทางนี้สะท้อนความเชื่อร่วมของนักวิชาการทั่วโลกว่า การศึกษาเป็นความหวังสำคัญของประเทศ และการสร้างผู้นำทางการศึกษาที่มุ่งพัฒนาโรงเรียนไปในทิศทางที่ถูกต้อง คือกุญแจสำคัญในการสร้างพลเมืองไทยที่มีคุณภาพ และขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพประเทศอย่างยั่งยืน