มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดงาน “DPU CWIE Day” ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานเปิดงานและมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่ผู้ที่มีผลงาน CWIE ดีเด่น ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสนม สุทธิพิทักษ์ อนุสรณ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ในโอกาสนี้ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แสดงศักยภาพด้านการเรียนการสอนเชิงปฏิบัติ ด้วยการผลักดันนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ Cooperative and Work-Integrated Education (CWIE) หรือสหกิจศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานจริง ซึ่งในปีการศึกษา 2567 นักศึกษาและคณาจารย์ของคณะสามารถคว้ารางวัลมาได้ถึง 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลสถานประกอบการ CWIE ขนาดกลางดีเด่น บริษัท BBTV New Media จำกัด ที่ให้โอกาสนักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการผลิตคอนเทนต์จริงมาอย่างต่อเนื่อง , รางวัลผู้นิเทศ CWIE ในสถานประกอบการดีเด่น ได้แก่ คุณธีรชาติ นมขุนทด ผู้เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สร้างสรรค์รายการออนไลน์เพื่อเผยแพร่ในแพลตฟอร์ม BUGABOO.TV , รางวัล อาจารย์ CWIE ดีเด่น ได้แก่ ดร.พันธกานต์ ทานนท์ , รางวัลโครงงานมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการจัดการดีเด่น (รองชนะเลิศอันดับ 1) โดยนางสาว อรไพลิน แสงทอง นักศึกษาหลักสูตรสื่อดิจิทัลและการสร้างสรรค์ ที่ร่วมกับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการ “การสร้าง HR Branding ผ่าน TikTok เด็กเมเจอร์”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศิวนารถ หงษ์ประยูร คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดมุมมองต่อความสำเร็จของคณะฯ ที่คว้ารางวัล Cooperative and Work-Integrated Education (CWIE) มาอย่างต่อเนื่องว่า คณะนิเทศศาสตร์คือศาสตร์ที่แข่งกันด้วยการปฏิบัติ ทางคณะจึงให้ความสำคัญกับสหกิจศึกษาเชิงบูรณาการตามนโยบายมหาวิทยาลัย และดำเนินการมาอย่างยาวนาน ซึ่งในอดีตเคยมีรูปแบบฝึกงานระยะยาวถึงหนึ่งปี เพราะเชื่อว่า “ความรู้ในตำราอย่างเดียวไม่พอสำหรับการต่อสู้ในโลกการทำงานหลังเรียนจบ” การได้รับรางวัลไม่ได้เป็นเพียงเกียรติของบุคคลหรือหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่ทำหน้าที่ “จุดประกายและสร้างต้นแบบ” ให้ทุกภาคส่วนของระบบนิเวศการเรียนรู้ นักศึกษามองเห็นตัวอย่างจากรุ่นพี่ เกิดแรงจูงใจอยากพัฒนาตามให้ดีขึ้น สถานประกอบการเห็นแนวทางว่าการสนับสนุนสหกิจศึกษาที่ดีควรทำอย่างไร และอาจารย์ในคณะก็ได้รับแรงผลักดันในการยกระดับภารกิจของตนเอง นำไปสู่ภาพรวมของคณะนิเทศศาสตร์ที่ “แข็งแกร่งขึ้น” และเกิดประโยชน์เชิงประจักษ์ต่อผู้เรียนที่ไปฝึกงานจริง
“วันนี้ใคร ๆ ก็ทำสื่อได้ แต่สิ่งที่ทำให้ยืนระยะในวิชาชีพได้ คือ ระบบการทำงาน + data + การค้นคว้า ซึ่ง CWIE เข้าไปเติมเต็มตรงนี้ และทำให้บัณฑิตของเราตอบโจทย์ตลาดแรงงานได้มากกว่าการฝึกงานแบบเดิม” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศิวนารถ กล่าว
นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศิวนารถ ยังระบุถึงมิติการ “ดึงศักยภาพรายบุคคล” ให้สอดคล้องกับทิศทางแบรนด์มหาวิทยาลัยว่า ทางคณะทำงานเรื่องนี้ต่อเนื่องมาหลายปี ผ่านโครงการกิจกรรมเฉพาะบุคคล ไม่ใช่นักศึกษาทุกคนอยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์แบบเดียวกัน บางคนถนัดแฟชั่น บางคนสนใจเกม กีฬา หรือแนวเฉพาะทางอื่น ๆ ซึ่งความรู้ในห้องเรียนอาจยังไม่พอในยุคที่ทุกคนผลิตสื่อได้ จึงออกแบบกิจกรรมเฉพาะกลุ่มเพื่อ ‘ขุดศักยภาพที่ซ่อนอยู่’ แล้วเสริมให้นักศึกษาเติบโตไปในอนาคต
ด้าน ดร.พันธกานต์ ทานนท์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษาฝึกงานสหกิจศึกษา กล่าวว่า โครงการ CWIE ไม่ใช่เพียงการส่งนักศึกษาไปฝึกงานตามหน้าที่ แต่เป็นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาเพื่อต่อยอดการทำงานขององค์กรจริง โดยนักศึกษาไม่ได้แค่เรียนรู้การทำงาน แต่ต้องมองเห็นว่า ตนเองสามารถผลักดัน ปรับปรุง หรือพัฒนาอะไรให้กับองค์กรได้บ้าง ซึ่งนี่คือการ ‘แมทช์’ ที่ลงตัวระหว่างนักศึกษา พี่เลี้ยง และสถานประกอบการ
ทั้งนี้การเรียนรู้ผ่านการฝึกงานแบบ CWIE ยังเปลี่ยนบทบาทของนักศึกษาจาก “ผู้เรียน” สู่ “คนทำงานจริง” ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งถือเป็นช่วงสำคัญในการปรับมายด์เซ็ต ฝึกการทำงานเป็นระบบ เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร รวมถึงการแก้ปัญหาหน้างาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกธุรกิจอย่างมืออาชีพ
ขณะที่นางสาวอรไพลิน แสงทอง นักศึกษาหลักสูตรสื่อดิจิทัลและการสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เคยเข้าร่วมโครงการสหกิจศึกษาในตำแหน่ง Content Creator คว้ารางวัล รองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทโครงงานมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการจัดการดีเด่น จากโครงการ Cooperative and Work-Integrated Education (CWIE) หรือสหกิจศึกษาเชิงบูรณาการ
โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดเป็นโครงการ “การสร้าง HR Branding ผ่าน TikTok เด็กเมเจอร์” โดยมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรให้เข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ ๆ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
นางสาวอรไพลิน เปิดเผยว่า ตนเองและทีมงานได้ร่วมกันวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย วางกลยุทธ์การผลิตคอนเทนต์ และนำเสนอคอนเทนต์ที่ดึงดูดและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคจริง ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 เดือนของการฝึกงาน ได้ร่วมสร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์รวม 27 คลิปบนแพลตฟอร์ม TikTok “เด็กเมเจอร์” ซึ่งมียอดรับชมรวมกว่า 593,000 ครั้ง ยอดกดถูกใจมากกว่า 23,000 ครั้ง และมียอดบันทึกเกือบ 5,000 ครั้ง ส่งผลให้ช่อง “เด็กเมเจอร์” มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านจำนวนผู้ติดตามและอัตราการมีส่วนร่วม
นางสาวอรไพลิน เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังได้รับรางวัลว่า ตนเองรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาช่องเด็กเมเจอร์ และสามารถนำสิ่งที่เรียนในมหาวิทยาลัย ทั้งด้านการสื่อสาร การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และทักษะการสร้างคอนเทนต์ มาประยุกต์ใช้ได้จริง นอกจากนี้ ประสบการณ์จากการเรียนที่ได้ทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ยังช่วยให้สามารถออกแบบและผลิตสื่อได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น