สำนึกรักชาติด้วยยุทธศาสตร์ ตระหนักถึงคุณค่าทุนวัฒนธรรมบริบทเศรษฐกิจ นำไปสู่ความร่วมมือระดับเครือข่ายความมั่นคง ทางวัฒนธรรมทั้งในและต่างประเทศ

เสน่ห์ของผ้าไทยไม่ได้อยู่เพียงสีสันหรือลวดลาย หากซ่อนเรื่องราวชีวิตและภูมิปัญญาของชุมชนไทยมายาวนาน ศิลปะบนผืนผ้าแต่ละผืนคือบทสนทนาที่เล่าอดีต ถ่ายทอดปรัชญาการดำรงชีวิต และสะท้อนความภาคภูมิใจในรากเหง้าของชาติ

ลวดลายและสีสันบนผ้าไทยบ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นลายเรขาคณิตที่ซ่อนความหมายทางศาสนาและความเชื่อ หรือสีสันสดใสที่ได้จากการย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ ทุกลวดลายคือภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

การทอผ้าไม่ใช่เพียงการร้อยเรียงเส้นไหม แต่เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่ต้องอาศัยความบรรจงและใส่ใจในทุกรายละเอียด ผู้สร้างสรรค์ถ่ายทอดทั้งความตั้งใจและจิตวิญญาณลงบนผืนผ้า

ผ้าไทยจึงไม่ใช่เพียงความงดงาม แต่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น ทุกผืนผ้าคืองานศิลป์ที่ถักทอด้วยความประณีต ถ่ายทอดทั้งเอกลักษณ์และรากเหง้าของชาติ เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณค่าที่เหนือกาลเวลา เหมาะทั้งสำหรับการสวมใส่และการส่งต่อคุณค่าทางวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่น

ผ้าไทยจึงเป็น “ทุนวัฒนธรรม” อันทรงคุณค่า ครอบคลุมมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และอัตลักษณ์ชาติ การสวมใส่ผ้าไทยไม่เพียงเพิ่มความงดงามให้ผู้สวมใส่ แต่ยังช่วยอนุรักษ์ภูมิปัญญาและส่งต่อเรื่องราวให้ดำรงอยู่เหนือกาลเวลา

เรื่องราวความงดงามของผ้าไทยยิ่งเด่นชัด เมื่อ ธันยลักษณ์ พรหมมณี หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “ธันย่าไหมไทย” หนึ่งในผู้สร้างแรงบันดาลใจในวงการผ้าไทย เธอทำหน้าที่เป็นฑูตอัตลักษณ์ไหมไทยประจำราชอาณาจักรไทย และที่ปรึกษาด้านเครื่องแต่งกายและแฟชั่นประยุกต์ กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ธันยลักษณ์ได้ใส่ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ได้แก่ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยจักรพรรดิ ชุดไทยศิวาลัย ชุดไทยจักรี ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยดุสิต และชุดไทยอมรินทร์ แต่ละชุดสะท้อนความสง่างามและเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจน พร้อมทั้งถ่ายทอดลวดลาย สีสัน และรายละเอียดอันประณีตของผ้าไทยอย่างพิถีพิถัน

 

 

ภาพถ่ายชุดเหล่านี้ไม่เพียงนำเสนอความงดงามของชุดไทยพระราชนิยม แต่ยังบันทึกศิลปะและภูมิปัญญาไทยในทุกเฟรมและทุกมุมกล้อง เล่าเรื่องราวของช่างทอและชุมชนผู้สร้างสรรค์ผ้าไทย ดุจบันทึกแห่งชีวิตและความหมายที่ดำรงอยู่เหนือกว่าภาพนิ่งทั่วไป


ผ้าไทยสะท้อนวิถีชีวิตของชุมชน ทุกเส้นใยแฝงร่องรอยของผู้คน ตั้งแต่การเตรียมดิน ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมเส้นไหม ทอผ้า ตัดเย็บ ไปจนถึงการออกแบบและสร้างแบรนด์ ทุกขั้นตอนเกิดจากความรู้ ทักษะ และภูมิปัญญาที่สั่งสมมายาวนาน การสืบสานภูมิปัญญาเหล่านี้ไม่เพียงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ยังเสริมสร้างความยั่งยืนทางสังคม และความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ไทย

เส้นไหมที่ถูกบรรจงทอเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน การย้อมสีด้วยวัสดุธรรมชาติสะท้อนบทเรียนการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ลวดลายบนผืนผ้าจึงบอกเล่าความเชื่อและปรัชญาการดำรงชีวิตของผู้คนได้อย่างชัดเจน ผ้าไทยจึงไม่ใช่เพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่เป็นศิลปะและทุนชีวิตที่สะท้อนรากเหง้า วัฒนธรรม และวิถีไทย อันงดงามเหนือกาลเวลา

นอกจากนี้ ผ้าไทยยังเป็นทุนวัฒนธรรมที่สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งด้านเศรษฐกิจ การสร้างแบรนด์ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทุกผืนผ้าจึงไม่ใช่แค่งานฝีมือ แต่คือบทสนทนาที่ถ่ายทอดภูมิปัญญา ความงดงาม และชีวิตของผู้คนไทยสู่สายตานานาชาติ


“ผ้าไหมไทยทุกผืนไม่เพียงสวยงาม แต่ยังเล่าเรื่องราวของภูมิปัญญาและชีวิตชุมชน สะท้อนให้เห็นว่าผ้าไทยคือศิลปะและทุนชีวิตที่เชื่อมโยงกับวิถีความยั่งยืน การรักษาอัตลักษณ์และภูมิปัญญาไทยไม่เพียงสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม แต่ยังเป็นทุนวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา ที่ทำให้เราภาคภูมิใจในความเป็นไทย และเมื่อสวมใส่ผ้าไหมไทย ทุกผืนผ้าก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอารยธรรมไทยที่ประจักษ์ต่อสายตาสาธารณะ” ธันยลักษณ์ กล่าวสรุป