“รมว.สมศักดิ์” ปลื้มจับมือ สสส.ประสบความสำเร็จ “นับคาร์บ” เผยปีแรกเห็นผลช่วยลดผู้ป่วย NCDs เข้าสู่ระยะสงบ-หยุดรับยา 28,506 คน ชี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้ว 787 ล้าน พร้อมเดินหน้าต่อลดค่าใช้จ่าย 1 หมื่นล้าน/ปี พร้อมเห็นชอบแผนปี 69 เดินหน้า 68 ตัวชี้วัด 2 วาระกลางวัดผลได้ใน 1 ปี
วันที่ 28 ส.ค.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) คนที่ 1 กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 7/2568 ว่า การดำเนินโครงการนับคาร์บ ที่ สสส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาเว็บไซต์ www.นับคาร์บ.com รวบรวมคลังความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรตและโรคไม่ติดต่อ(NCDs) พร้อมเทคนิคดูแลสุขภาพ เช่น การเลือกอาหารที่ดีต่อร่างกาย วิธีออกกำลังกายให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัย นวัตกรรมโปรแกรมคำนวณคาร์บ เพื่อให้ประชาชนหาปริมาณคาร์บและอาหารที่เหมาะสม สามารถสร้างความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ และทำให้คนไทยเรียนรู้การนับคาร์บแล้ว 42,206,405 คน โดยจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 24 สิงหาคม 2568 มีผู้ป่วย NCDs เข้าสู่ขั้นตอนการรักษา 267,847 คน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์โรคสงบ 28,506 คน หรือคิดเป็น 14.9% ลดยาลงได้ 29,886 คน คิดเป็น 15.6% และหยุดยาได้ 17,790 คน คิดเป็น 14.9% คิดเป็นค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ที่สามารถประหยัดได้ถึง 787.94 ล้านบาท/ปี
“สสส.ใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสารรณรงค์ทำงานร่วมกับ สธ. ในโครงการนับคาร์บ ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างดีเยี่ยม ประเด็นนี้ถือเป็นนโยบายการดูแลสุขภาพประชาชนที่สามารถวัดผลได้จริง สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ได้ถึง 787.94 ล้านบาท/ปี ภายใน 1 ปีแรก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ เครื่องมือต่างๆ อาจยังมีความไม่ชัดเจนบ้าง แต่ในปีต่อไปจะดีขึ้น และผมเชื่อว่าหากได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ในปีหน้าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นหลัก 1 หมื่นล้านบาท/ปี และลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ในระยะยาว” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นที่ประชุมเห็นชอบแผนการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2569 ตามที่ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ สสส. ซึ่งเป็นนโยบายการบริหารจัดการตามหลักการตามธรรมาภิบาลขององค์กร โดยในปี 2569 ได้กำหนด 64 ตัวชี้วัดหลัก 4 ตัวขี้วัดร่วม และ 2 วาระกลาง ได้แก่ 1.การขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่เฉพาะ และ 2. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยการดำเนินงานจะเน้นหาจุดคานงัดเชิงยุทธศาสตร์ของทั้ง 15 แผนงาน กำหนดค่าเป้าหมายที่ต้องบรรลุ และวัดผลความก้าวหน้าได้ภายใน 1 ปี