วันที่ 21 ส.ค.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประกาศนโยบายรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่สุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์สวัสดิ์ชัย นวกิจรังสรรค์ ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม ที่บริเวณโถงชั้น 1 อาคาร 3 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพและบริการทางการแพทย์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ผ่าน 6 กลไกสำคัญ ได้แก่ 1.การยกระดับภูมิปัญญาไทยและนวดไทย 2.การต่อยอดสมุนไพรไทย ยาไทย และอาหารไทย 3.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.การพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ 5.การยกระดับศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง และ 6.การส่งเสริมธุรกิจและบริการด้านสุขภาพบุคคลและความงาม โดยคาดว่า จะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ กว่า 6.9 แสนล้านบาท

“จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้วกว่า 1.18 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของเป้าหมาย เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้ง สำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ เพื่อทำหน้าที่ เป็นศูนย์กลางการวิเคราะห์ วิจัย และขับเคลื่อนเชิงนโยบายอย่างเป็นระบบ และยั่งยืน รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการข้อมูลเศรษฐกิจสุขภาพอัจฉริยะ หรือ IOC เพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวโน้ม ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ครบถ้วน และแม่นยำ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น  Big Data และ AI ซึ่งขอให้พวกเราช่วยกันขับเคลื่อนงาน ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพและบริการทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศให้สังคมรับทราบว่า สำนักงานเศรษฐกิจสุขภาพ ที่เราหมายมั่นให้ประเทศมีรายได้ ที่มาจากการดูแลรักษาสุขภาพ ทั้งของคนไทย และต่างชาติที่เข้ามารักษา ซึ่งหมอไทย มีความสามารถในทางการแพทย์สูง เป็นที่ยอมรับในลำดับต้นๆของโลก ตนจึงประกาศให้ทั่วโลกรู้ถึงศักยภาพ เพื่อให้ต่างชาติเข้ามารักษา โดยที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ด้านเศรษฐกิจสุขภาพ มีการให้น้ำหนักน้อย จึงมีการยกระดับให้ใหญ่มากขึ้น เพื่อรองรับงานของรัฐบาล ด้วยการเปิดศูนย์เศรษฐกิจสุขภาพ และในอนาคตอาจจะขยายกลายเป็นอีกกรมหนึ่ง

เมื่อถามถึงกรณีมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเอทีเคและวัคซีนทั้งหมด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำเรื่องกฎหมาย Law of Efficiency ที่ได้ขับเคลื่อนตั้งแต่ตนดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ที่ให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ขณะนี้ ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งขณะนั้น กฤษฎีกา ก็ได้แนะนำด้วยว่า คนที่ร้องเรียน ถ้าหากไม่จริง ก็ให้มีบทลงโทษคนร้องเรียนด้วย โดยเป็นการคุยกันนอกรอบ แต่ผ่านมา 2-3 ปีแล้ว ยังไม่เห็นความคืบหน้า เพราะตนเปลี่ยนหน้าที่ จึงไม่ได้ติดตาม ซึ่งกฎหมาย Law of Efficiency คือ การทำงานทางราชการ อาจจะผิด แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือ เรื่องเร่งด่วน ก็ขอให้ถือว่า เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ ไม่มีความผิด แต่วันนี้ ยังไม่มีกฎหมายนี้ โดยมีแต่เราทำอะไรที่ผิดระเบียบ คือ เรื่องทุจริต ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเขาอาจจะไม่ตั้งใจ แต่ถ้าผิดระเบียบ เข้าข้อกฎหมายหรือไม่ ก็ขอให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบดู โดยตนพูดไป ไม่ใช่ศาล ไม่ใช่องค์กรตรวจสอบ และถ้าพูดไม่ครบ เดี๋ยวก็เอาโซเชียลมาล้อเลียนกันอีก