น้ำเมา  เหล้า  เบียร์ เป็นตัวภัยร้ายสำคัญที่สุดกับแต่ละคน ครอบครัว ชุมชนไปจนสังคมในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ ทั้งสังคม ชีวิต ทรัพย์สิน  ทำลายความสุขสงบได้อย่างนึกไม่ถึง ด้วยตระหนัก  ด้วยความห่วงกังวลถึงภัยร้ายนี้จะเกิดคนไทย สสส. ประสานเครือข่าย หนุนพลังแม่สร้างครอบครัวปลอดปัจจัยเสี่ยง  จากการพบน้ำเมาสร้างความเสียหายทุกมิติกว่า 1.6 แสนล้านบาท สูงถึง 1.02% ของGDP  เปิดใจผู้ก้าวพลาด ยอมรับเหตุจากขาดความรัก-การยอมรับ ก่อนแสวงหาจากภายนอก สุดท้ายทำผิดต้องติดคุก-กลับตัวใหม่ แนะคนรุ่นใหม่สร้างครอบครัวอบอุ่นเป็นวัคซีนเข็มแรกปั้นลูกน้อยมีอนาคตที่ดี ห่างไกลเหล้ายา  

เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน มูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ “My Mom” รักไม่ธรรมดา ที่โรงแรมแมนดาริน  กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยในโอกาสจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า  เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค. ของทุกปี  สสส. และเครือข่าย ได้จัดกิจกรรม “My Mom” รักไม่ธรรมดา” เพื่อรณรงค์ ให้ความรู้ กระตุ้นเตือนอันตรายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขับเคลื่อนมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มี โดยสะท้อนถึงพลังบวกของแม่ ความรัก และความเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อครอบครัว จากข้อมูลค่าการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยปี 2564 เท่ากับ 165,450.5 ล้านบาท หรือ 1.02% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) แบ่งเป็น การสูญเสียทางอ้อมจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และการขาดงานหรือสูญเสียผลิตภาพจากการทำงาน 96.3% และการสูญเสียทางตรงจากค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในกระบวนการยุติธรรม และมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินจากอุบัติเหตุจราจรทางบก 6,091.7 ล้านบาท

“ที่น่าตกใจคือ คนไทยเกือบ 80% เคยได้รับผลกระทบจากการดื่มน้ำเมาของผู้อื่น ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และปัญหาครอบครัว โดยต้นทุนทางสังคมเฉลี่ยจากนักดื่มไทยหนึ่งคนสูงถึง 498,196 บาท โดยเฉพาะนักดื่มชายมีต้นทุนสูงถึง 721,344 บาทต่อคน แอลกอฮอล์ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 ที่เชื่อมโยงกับมะเร็งอย่างน้อย 8 ชนิด อาทิ มะเร็งช่องปาก กล่องเสียง ตัวเลขทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ สสส. ต้องเร่งสร้างเสริมสุขภาวะในสังคมให้ห่างไกลกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเสพติด และการพนัน พร้อมขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการลด ละ เลิกการดื่ม เพื่อปกป้องสุขภาพ เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน” นายวิเชษฐ์  ย้ำให้ให้เห็นภาพภัยร้ายน้ำเมา


 นายอภิรัฐ สุดสาย อดีตเยาวชนศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก  ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ว่า ตอนเด็กตนอยู่ จ.นครศรีธรรมราช กับพ่อแม่ ซึ่งทะเลาะกันบ่อย ต้องอยู่กับความรุนแรงในครอบครัวมาตลอด ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง แทบไม่มีการพูดคุย ถ้าทำผิดก็ถูกทำโทษ ทั้งที่เราอยากได้ความรักอยากให้แม่กอด ทำให้ห่างเหิน รู้สึกไม่มีตัวตน พอขึ้น ม.2 จึงรวมกลุ่มเพื่อนสร้างตัวตนในทางที่ผิด ยกพวกตีกัน จนถูกไล่ออกจากโรงเรียน แม่ส่งตนมาอยู่กรุงเทพฯ  ปัญหายิ่งหนักอยากเป็นไอดอลของเพื่อน ออกปล้นหาเงินมากินเที่ยวกับเพื่อน จนถูกจับ ในคุกเด็ก 80% มาจากปัญหาครอบครัว กดดัน หรือสปอยลูกเกินไป  ตนได้ไปอยู่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก จึงได้ปรับความคิด รู้คุณค่าตัวเองและคนอื่น รวมถึงคุณค่าความรักที่ไม่ได้แปลจากคำพูด แต่มาจากการกระทำ ทั้งนี้ พ่อ แม่เป็นปราการแรกของลูก จึงควรดูแลลูกด้วยความรักความใส่ใจ ป้องกัน เฝ้าระวังการกระทำผิด

ด้าน นางเฉลิมขวัญ  เย็นเสมอ คุณแม่ของอดีตเยาวชนศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ร่วมให้ข้อมูลด้วยว่า สามีดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ตนเป็นคนจู้จี้ จุกจิก จึงทะเลาะกันบ่อย ทำให้ลูกวัยรุ่น พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากที่สนิทกับแม่ มีความรับผิดชอบ ทำงานเก่ง  กลายเป็นคนเงียบไม่พูด มีปัญหาก็ไม่ปรึกษา  แต่โยนความผิดไปให้พ่อไม่สนใจลูก พอลูกเรียนชั้นปวช. ก่อเหตุยิงเพื่อนเสียชีวิต เข้าสถานพินิจและย้ายไปอยู่บ้านกาญฯ  ตนและสามี  จึงได้รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากพ่อแม่ ที่กินเหล้า ทะเลาะกัน ตนกับสามีจึงเลิกเหล้า สุดท้ายลูกกลับมาหาเริ่มคุยกัน เล่นกับน้อง นั่งกินข้าวด้วยกัน ทำให้ได้ลูกคนเล็กกลับคืนมา อยากให้ครอบครัวของตนเป็นอุทาหรณ์  

ขณะที่ น.ส.ถุงเงิน พันตน เหยื่ออุบัติเหตุ เผยความในใจว่า ลูกชายตนเป็นเสาหลักครอบครัว แต่เมื่อลูกอายุ 25 ปี ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะขับมาชนระหว่างขี่จักรยานยนต์ไปซื้อของต้องเข้าไอซียูกว่า 20 วัน  รักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือน คู่กรณีไม่รับผิดชอบอ้างว่าลูกเป็นคนผิด ผ่านมากว่า 7 ปีแล้ว ลูกชายยังป่วยติดเตียง ให้อาหารผ่านสาย สื่อสารได้บ้าง ตนต้องสู้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีลมหายใจอยู่  จึงอยากบอกกับสังคมให้มีสติ ไม่ประมาท ขับรถต้องสวมหมวกนิรภัย  คาดเข็มขัดนิรภัย ดื่มไม่ขับ เซฟตัวเองไว้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะลดการเสียชีวิต ลดการเจ็บหนักได้