เมื่อ 25 ก.ค.68 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกัมพูชากล่าวถึงฝ่ายไทยมีการใช้กระสุนปืนใหญ่แบบกระสุนคลัสเตอร์นั้น กองทัพบกขอเรียนว่า การใช้กระสุนชนิดนี้ กองทัพบกจะพิจารณาใช้ตามความจำเป็นต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเป้าหมาย โดยเมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่อง ซึ่งกระสุนดังกล่าว ไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (anti-personnel landmines) และ ไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือนหลังการใช้งาน

ส่วนกรณี อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนคลัสเตอร์ (Convention on Cluster Munitions – CCM) ซึ่งห้ามภาคีใช้งาน ผลิต หรือสะสมอาวุธชนิดนี้นั้น ไม่มีผลผูกพันต่อประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมิได้เป็นภาคีของอนุสัญญาฉบับดังกล่าว เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เป็นต้น

กองทัพบกยืนยันว่า การปฏิบัติทางทหารของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลัก “ความได้สัดส่วน” โดยจะมีการใช้กระสุนแบบคลัสเตอร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระเบิดทำลายเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น

กองทัพบกขอรายงานข้อมูลการสูญเสียกำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ

ตลอดช่วงการปะทะในพื้นที่ชายแดน ระหว่างวันที่ 24–25 กรกฎาคม 2568 กองทัพบกขอรายงานการสูญเสียกำลังพลรวมทั้งสิ้น 6 นาย แบ่งเป็น

- นายสิบ จำนวน 5 นาย
- พลทหาร จำนวน 1 นาย

รายละเอียดเพิ่มเติมของผู้เสียชีวิตจะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป

กองทัพบกขอสดุดีวีรชนผู้กล้าเหล่านี้ ผู้ซึ่งได้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างหาญกล้า