ศึกชายแดนเดือด! ไทย-กัมพูชา ปะทะวันที่ 2 ยิงถล่มหนัก “ช่องบก-พระวิหาร” ปืนใหญ่ BM21 กระหน่ำยึดเนินสำคัญ
วันที่ 25 ก.ค.68 วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก Wassana Nanuam ระบุว่า
สมรภูมิรบ ไทย-เขมร วันที่ 2 ช่องบก-พระวิหารเดือด! ทหารเขมรยังไหว! เสริมกำลังเปิดฉากยิงตั้งแต่ตี 4 ปืนใหญ่-จรวดBM21 ถล่มไทย เข้ายึดเนิน 469 ใช้ปืนใหญ่-ปืนค. ระดมยิงใส่ฝ่ายไทย เนิน 408 ทหารไทยยังแกร่งใช้ปืนใหญ่ ถล่มช่องบก เนินโนเนม ที่ทหารเขมรเข้ามายึด ทหารไทย ปกป้องพื้นที่ “กษัตริย์ศึก-กงจักร” รถถังScorpion ได้รับใช้ชาติ ปกป้องปราสาทตาเมือนธม ทหารไทย อัดต่อยึด “ภูมะเขือ ไล่ทหารเขมร ปกป้องแผ่นดินไทย
มีรายงานว่า การสู้รบระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในวันที่สอง 25 กรกฎาคม 2568 เริ่มต้น ตั้งแต่เวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชา ได้เปิดฉากยิงทหารไทยอย่างดุเดือดรอบพื้นที่ ในแนวรบปราสาทพระวิหาร
กำลังทหารกัมพูชา ประชิดตลอดแนวชายแดน ในพื้นที่กษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของ กองพันทหารราบที่ 21
ต่อมา บริเวณ พื้นที่กงจักร กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำการยิงฉาก จากฝ่ายแนวของทหารไทย เพื่อเป็นการตอบโต้ หลังจากทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักยิงเข้าใส่
จากนั้น 04.50น.หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 26 ตรวจพบยานพาหนะ คาดว่าเป็นรถถังของฝ่ายกัมพูชา จอดเรียงหน้ากระดานจำนวน 6 คัน บริเวณพิกัด…….ตรงข้าม ช่องปลดต่าง
เวลา 04:54 น. บริเวณพื้นที่กษัตริย์ศึก ทหารไทยและทหารกัมพูชา ประจำหน้าแนว
เวลา 05.30น.บริเวณพื้นที่ซูรู ป่ากล้วย ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง ส่วน ไทยใช้ รถถังเบา scorpion ของไทย ยิงสนับสนุน บริเวณข้างปราสาทตาเมือนธม
เวลา 05.25น. บริเวณช่องบก
ใช้อาวุธปืนใหญ่ ยิงสนับสนุน จากนั้น เวลา 05.35น.พื้นที่ กษัตริย์ศึก ฝั่งไทยได้ ขอการยิงสนับสนุนปืนใหญ่ ยิงลงหลัง เนินโนเนม และยิงทำลาย ที่ตั้งรถถัง พื้นที่ตรงข้ามช่องบก
เวลา 05.50 น. กำลังฝ่ายไทย เริ่มเข้าตี ปกป้อง ภูมะเขือ
เวลา 06.29 น.ทหารกัมพูชาใช้กำลังเข้ายึดเนิน 469 โดยใช้ปืนใหญ่และปืนค. ทางทิศใต้บริเวณช่องบก ระดมยิงใส่ฝ่ายไทย เนิน 408
โดยใช้ BM - 21 จาก อำเภอจอมกระสาน ระดมยิงไปทางซำแต โดยฝ่ายทหารไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร สนับสนุนการต่อต้านปืนใหญ่
#CambodiaOpenedFire #ไทยกัมพูชา #กองทัพอากาศ #ข่าววันนี้ #SupportOurTroops #แนวรบช่องบก #แนวรบพระวิหาร #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #แผ่นดินของเราย่อมเป็นของเราอยู่ดี