หญ้าแฝก พืชที่มีคุณสมบัติพิเศษด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงศึกษาและพระราชทานพระราชดำริให้ใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 หญ้าแฝกมีระบบรากลึกสานกันแน่น ยึดเกาะดินได้อย่างแข็งแรง ช่วยลดการชะล้างพังทลายของดิน กรองตะกอน และรักษาความชุ่มชื้น เปรียบเสมือน “กำแพงธรรมชาติที่มีชีวิต” นอกจากนี้ยังปลูกง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก และใช้ต้นทุนต่ำ

โครงการหญ้าแฝกเพื่อแก้ไขปัญหาดินเสื่อมโทรมและการชะล้างพังทลายในหลายพื้นที่ โครงการเหล่านี้ถูกขยายผลทั่วประเทศ จนไทยกลายเป็นผู้นำระดับโลกในการใช้หญ้าแฝกอย่างเป็นระบบ

กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน เกษตรกร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ร่วมกันปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันดินถล่ม อนุรักษ์ดินและน้ำ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม อันเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง ผนวกกับการเสื่อมโทรมของพื้นที่การเกษตรจากการทำลายทรัพยากรป่าไม้และการปลูกพืชเชิงเดี่ยวบนพื้นที่ลาดชัน โดยขาดระบบอนุรักษ์หน้าดิน ปัญหาเหล่านี้ทำให้เมื่อฝนตกหนัก น้ำฝนจะไหลบ่าลงจากที่สูงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หน้าดินถูกชะล้าง สูญเสียความอุดมสมบูรณ์ และก่อให้เกิดดินถล่ม น้ำท่วม ความเสียหายต่อทรัพย์สินและผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมหาศาล

ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นถึงผลกระทบอย่างรุนแรง เช่น น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2565 ทำให้พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 2.7 ล้านไร่ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 20,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2566 ปัญหาดินถล่มในภาคเหนือสร้างผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรและชุมชนมากกว่า 50,000 ไร่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ น่าน และลำปาง ตัวเลขความเสียหายรายพืชผล ได้แก่ ข้าว 1,200,000 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 8,000 ล้านบาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 500,000 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 3,500 ล้านบาท อ้อย 300,000 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 2,100 ล้านบาท และผลไม้ (ลำไย,ลิ้นจี่) 150,000 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 1,800 ล้านบาท (ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร, 2566)

หนึ่งในแนวทางสำคัญที่ได้รับการยอมรับในการแก้ปัญหาคือ การปลูกหญ้าแฝก โดยผลการวิจัยยืนยันว่า หญ้าแฝกเป็นพืชที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการชะล้างพังทลายและการเสื่อมโทรมของดิน โดยผลจากการปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่ลาดชัน มากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ มีปริมาณการสูญเสียดิน 1 ตันต่อไร่ต่อปี  แต่เมื่อนำหญ้าแฝกมาปลูกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ มีการสูญเสียดิน 0.5-0.8 ตันต่อไร่ต่อปี ลดการสูญเสียดินลง 20-50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังลดการสูญเสียไนไตรเจนจากเดิม 0.14 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี  เหลือ 0.08 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี  คิดเป็น 42.86%  ฟอสฟอรัสจากเดิม 10.46 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี  เหลือ 5.7 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี  คิดเป็น 45.50% โพแทสเซียมจาก 10.91 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี  เหลือ 8 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี คิดเป็น 26.67%

การปลูกหญ้าแฝก ไม่เพียงช่วยป้องกันการชะล้างดิน แต่ยังฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ รักษาคุณภาพน้ำ ป้องกันตลิ่งและไหล่ถนนพังทลาย จึงเป็นวิธีที่ลงทุนต่ำแต่สร้างความยั่งยืนในการทำเกษตรและรักษาสิ่งแวดล้อมของชาติร่วมกัน

ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและรักษาสิ่งแวดล้อม กรมพัฒนาที่ดิน โดยสำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต 1-12 และสถานีพัฒนาที่ดินทั่วประเทศ  ได้ดำเนินการผลิตกล้าหญ้าแฝกและพร้อมบริการแจกจ่ายให้กับเกษตรกรและหน่วยงานต่าง ๆ  โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งให้คำแนะนำ การปลูก การดูแลรักษา และให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของหญ้าแฝกตามหลักวิชาการ สามารถติดต่อขอรับได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ หรือ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต ที่ใกล้ที่สุด หรือผ่านระบบ e-Service LDD บนเว็บไซต์กรมพัฒนาที่ดิน

“หญ้าแฝก ไม่ใช่เพียงพืชธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมและการเกษตรอย่างยั่งยืน การสนับสนุนให้เกษตรกรและชุมชนหันมาปลูกหญ้าแฝกจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาทรัพยากรดินและน้ำของประเทศไทย ดังนั้น ขอเชิญทุกภาคส่วนร่วมมือกันปลูกหญ้าแฝก เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธาน พร้อมสร้างผืนแผ่นดินไทยให้มั่นคง อุดมสมบูรณ์ และยั่งยืนสืบไป” อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวทิ้งท้าย