การเปิดตัวกองทุน Thai ESGX ในปี 2568 เป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้ที่มีกองทุน LTF อยู่เดิม เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสพิเศษในการสับเปลี่ยนเงินลงทุนเดิมมาเป็นวงเงินลดหย่อนภาษีใหม่ได้ อีกทั้งยังได้รับสิทธิลดหย่อนสำหรับเงินลงทุนใหม่อีกต่างหาก ทำให้สามารถลดภาษีได้สูงถึง 1.4 ล้านบาทในปีแรก หากคุณกำลังสงสัยว่า Thai ESGX ให้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างไร และใครบ้างที่ควรพิจารณาลงทุน บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ พร้อมตัวเลขที่ชัดเจน
กองทุน Thai ESGX คืออะไร ?
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ หรือ Thai ESGX เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทไทยที่มีมาตรฐานด้านความยั่งยืนเป็นหลัก โดยต้องจัดสรรเงินลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งถือเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดกว่า Thai ESG ทั่วไป
กองทุนนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 เพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศ และให้ทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการประโยชน์ทางภาษี โดยคาดว่าจะเปิดให้ลงทุนในช่วง 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เป็นระยะเวลา 2 เดือนเท่านั้น
โอน LTF ไป Thai ESGX มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ?
การสับเปลี่ยนจาก LTF ไป Thai ESGX เพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีมีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเข้มงวด ผู้ลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจเงื่อนไขเหล่านี้อย่างชัดเจนก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันการสูญเสียสิทธิประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น โดยเราได้สรุปเงื่อนไขสำคัญมาให้แล้ว ดังนี้
- ห้ามขายหรือสับเปลี่ยน LTF ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป หากทำแล้วจะไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจากวงเงิน LTF เดิม
- ต้องโอนหน่วยลงทุน LTF ทุกกองทุนทุก บลจ. ไปยัง Thai ESGX ในครั้งเดียว ไม่สามารถโอนเฉพาะบางส่วนได้
- ยกเว้นหน่วยลงทุนใน Class SSF ที่ไม่จำเป็นต้องโอนมาด้วย
- ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันต่อวัน ไม่ใช่ปีภาษี
- หากสับเปลี่ยนเกิน 500,000 บาท เงินส่วนเกินก็ต้องถือครองตามเงื่อนไขเดียวกัน
กองทุน Thai ESGX ให้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างไร ?
Thai ESGX มีจุดเด่นที่แตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ คือการแบ่งวงเงินลดหย่อนภาษีออกเป็น 2 ส่วนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้แยกกัน ทำให้ผู้ลงทุนสามารถได้รับสิทธิลดหย่อนสูงสุดมากกว่ากองทุนประเภทอื่น ๆ
1. วงเงินลดหย่อนสำหรับเงิน LTF เก่า
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจสับเปลี่ยนเงิน LTF มาลงทุนใน Thai ESGX จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยแบ่งเป็น ปีแรก (2568) ได้รับสิทธิลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท และปีที่ 2-5 จะได้รับสิทธิลดหย่อนปีละ 50,000 บาท รวม 5 ปีได้ทั้งหมด 500,000 บาท ข้อดีของวงเงินนี้คือไม่มีการกำหนดเพดานสูงสุดของเงินลงทุนในปีแรก หมายความว่าผู้ที่มี LTF มูลค่าสูงสามารถสับเปลี่ยนได้ทั้งหมด และใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามจำนวนที่สับเปลี่ยนจริง แต่ไม่เกิน 300,000 บาทในปีแรก
2. วงเงินลดหย่อนสำหรับเงินลงทุนใหม่ ปี 2568
นอกจากวงเงินจากการสับเปลี่ยน LTF แล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนเงินใหม่เพิ่มเติมในปี 2568 ได้อีกสูงสุด 300,000 บาท หรือไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า ทำให้รวมกันแล้วในปี 2568 สามารถได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจาก Thai ESGX ได้สูงสุดถึง 600,000 บาท หากรวมกับกองทุนประเภทอื่น เช่น RMF และ Thai ESG แล้วสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1.4 ล้านบาทในปีแรก
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย และกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบทความ “5 ข้อควรรู้ ก่อนสับเปลี่ยนกองทุน LTF ไป กองทุน Thai ESGX” ซึ่งมีการวิเคราะห์ทางเลือกต่าง ๆ อย่างละเอียด
การเปิดตัว Thai ESGX ในปี 2568 เป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะผู้ที่มี LTF อยู่เดิมจะได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากสามารถนำเงินลงทุนเก่ามาใช้สิทธิลดหย่อนได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจควรพิจารณาทั้งผลประโยชน์ทางภาษี ความเสี่ยงของการลงทุน และวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาวของตนเอง เพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว
ที่มา : Krungsri The COACH