ค่ำคืนธรรมดา ค่ำคืนหนึ่ง…

ขณะที่แสงสว่างค่อยๆ เลือนหาย ความมืดและความนิ่งเงียบก็แผ่เข้ามาปกคลุม ความคิดฝันล่องลอยไปดุจกระแสน้ำ ผ่านค่ำคืนหนึ่งไปยังอีกค่ำคืนหนึ่ง จากความฝันหนึ่งไปสู่อีกฝันหนึ่ง หรือแรงปรารถนาบางอย่างที่หลับใหลในความทรงจำจะหลอมละลายให้ค่ำคืนเป็นลำธารไหลบ่าเติมเต็มพื้นที่ว่างอันไพศาลระหว่างความจริงกับความฝัน เพียงเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาและพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเลือนไหลรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับชีวิตไปแล้ว…ความฝัน และมายาภาพของผม ไม่มีสิ่งใด ที่จะถูกลืมได้อย่างแท้จริง

สิ่งที่ล่วงผ่าน

ความรู้สึกโหยหาที่จะไปยังอีกฝั่งหนึ่งของทุกสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ผมคิดว่าเราต่างรักษาความทรงจำแต่ละช่วงชีวิตเอาไว้ ผลิตซ้ำเพื่อจะยืดมันข้ามผ่านเวลาและสถานที่ สร้างความหมายขึ้นมาใหม่ผ่านความสัมพันธ์ในแต่ละห้วงเวลาของเรา ความทรงจำของเราจึงถูกมองด้วยมุมมองที่แตกต่างไปเรื่อยๆ ตามแต่สิ่งที่เรารู้สึกในชั่วขณะที่เราระลึกถึงมัน

ค่ำคืนหนึ่งเป็นค่ำคืนธรรมดาเสมอ

และดูเหมือนว่าค่ำคืนนั้นจะยืดขยายออกไปไม่มีสิ้นสุด เพียงเพื่อที่จะฝันและถูกเติมเต็ม ทุกค่ำคืนล้วนอยู่ภายในเรา เพียงแค่รู้สึก เพียงแค่หลับตา…

 

วิทยา ก๋าคำ (2527)
Witthaya Kakham (1984)
Artist Bio

จบการศึกษาที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เกิดและเติบโตมาในชนบทเล็กๆ ของอำเภอจุน จังหวัดพะเยา ที่ที่มองออกจากหน้าต่างบ้านจะเห็นภาพท้องทุ่งและภูเขาที่สลับซับซ้อน กลายเป็นภาพความทรงจำที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด ความเงียบแสนงดงามนี้เป็นเสมือน “ประภาคาร” ในชีวิตที่เฝ้ามองหาอยู่เสมอ

ภาพวาดของข้าพเจ้าคือความพยายามสำรวจถึงพันธะบางอย่างที่ผูกพันความรู้สึกของเรากับโลกไว้ด้วยกันและตั้งคำถามถึงการมีและไม่มีอยู่ของตัวตนมนุษย์ ขณะที่โลกคือภาพเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ทับซ้อนกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้าพเจ้ามุ่งความสนใจไปสู่ความเรียบง่ายและธรรมดาสามัญในธรรมชาติ และคิดว่าการประกอบกับของชีวิตนั้นล้วนเริ่มต้นจากเรื่องราวเหล่านี้ ผ่านการสังเกตโลกรอบตัว ผ่านการเดินทางลัดเลาะเข้าไปภายในจิตใจของตนเอง ผ่านการจดบันทึก การเขียน และการอ่าน เพื่อค้นหาองค์ประกอบอันเฉพาะเจาะจงบางอย่างที่เชื่อมโยงหรือเติมเต็มพื้นที่ในความทรงจำซึ่งเป็นเสมือน “ประภาคาร” ที่สื่อสารกับความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของข้าพเจ้า เส้นโค้งของเนินเขาหรือภูเขาในบรรยากาศสลัวหมายถึงการโอบรับความเลื่อนไหลและความไม่แน่นอนของชีวิต ความมืดยามราตรีคือพื้นที่สำหรับความเป็นไปได้ของสิ่งหนึ่งที่จะกลายเป็นสิ่งใดก็ได้โดยไม่ถูกจำกัด ดอกหญ้าสีขาวนั้นงดงามไม่ต่างจากดวงดาวนับร้อยนับพัน จุดสีขาวละลานตาของมันมีพลังมากขึ้นเมื่อเพิ่มจำนวนด้วยจังหวะและการซ้ำ และยังสัมพันธ์กับจุดไข่ปลาในบทกวี ที่กวีใช้เพื่อทดแทนสิ่งที่ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นถ้อยคำได้ สิ่งที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ของเรา เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งที่ขาดหาย แทนความว่างเปล่า เปรียบเสมือนเป็นสถานที่ที่อยู่นอกห้วงเวลา ทำให้เราหลงไหลราวกับว่าความทรงจำอันพร่าเลือนและเปี่ยมเสน่ห์ยังคงดำเนินอยู่

สภาวะกึ่งจริงกึ่งฝันปรากฏและช่วงชิงพื้นที่การมีอยู่ของกันและกันตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่กระตุ้นความคิด เปิดพื้นที่ในการจินตนาการถึงสถานที่ในธรรมชาติตามประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อใคร่ครวญ เรียนรู้ และเข้าใจตนเองในฐานะของมนุษย์ที่วันเวลาในชีวิตถูกถักทอขึ้นจากความทรงจำมากมาย ความทรงจำที่ทำหน้าที่เชื่อมประสานอดีตและปัจจุบัน และเป็นรอยต่อของสิ่งใหม่ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านหนังสืออิสระเล็กๆ ชื่อ “A Book with No Name” ใช้เวลาว่างช่วงกลางวันอยู่กับการอ่าน เขียน วาดรูปในเวลากลางคืนเพราะหลงใหลช่วงเวลานี้เป็นพิเศษ  มีนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในชื่อ


“IDYLL ไวยากรณ์ของเหล่าวันและคืน” ปี 2560 ณ ห้องนิทรรศการ People’s Gallery bacc กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นมีนิทรรศการกลุ่ม เช่น นิทรรศการกลุ่ม “Nostalgia” ปี 2563 ณ A Clay Gallery กรุงเทพมหานคร และนิทรรศการกลุ่ม "Nostalgia" ปี 2564 ณ แกลลอรี่สุดถนน จังหวัดน่าน